
SHORT CUT
นับถอยหลัง ราคาแบตเตอรี่ EV จะลดลง 70% ใน 5 ปี ซึ่งจะผลักดันให้รถ EV มีราคาต่ำกว่ารถสันดาปใน 2-4 ปี และเปิดทางสู่ EV ราคาประหยัดที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในอนาคต
Maarten Vinkhuyzen ได้วิเคราะห์สถานการณ์ราคาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลัง "ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว" และคาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
โดยคาดการณ์ว่า "ราคาแบตเตอรี่จะลดลงถึง 70% ในอีก 5 ปีข้างหน้า" ซึ่งเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับการประเมินจากบริษัทวงในอย่าง CATL, BYD, Volkswagen Group รวมถึงสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA)
การลดลงของต้นทุนแบตเตอรี่ครั้งใหญ่นี้ จะเป็นตัวเร่งให้ราคารถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ต่ำกว่ารถยนต์สันดาป (ICE) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นภายใน "2-4 ปี" ในตลาดยุโรป ส่วนในจีนกำลังเกิดขึ้นแล้วสำหรับบางรุ่น
ปัจจุบัน หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม ราคารถ EV ในยุโรปยังคงสูงอยู่ นี่เป็นกลยุทธ์ของค่ายรถยนต์ยุโรปที่จงใจ "ตรึงราคาให้สูงไว้" เพื่อจำกัดยอดขาย และหันไปเร่งระบายรถยนต์สันดาป (ICE) ที่เป็นยอดขายในช่วงสุดท้ายก่อนที่เทคโนโลยีจะตกรุ่น
สถานการณ์นี้กลายเป็นผลดีต่อค่ายรถยนต์จากจีน ที่สามารถตั้งราคาในยุโรปใกล้เคียงกับเจ้าตลาด และทำกำไรได้สูงกว่าที่เคยคาดหวังไว้ในตลาดจีน แม้จะต้องเผชิญกับมาตรการภาษีของ EU ก็ตาม
แบตเตอรี่ขนาด 100 kWh (สำหรับรถ CUV/SUV ขนาดกลาง) ปัจจุบันมีต้นทุนราว 15,000 ยูโร จะลดลงเหลือ ต่ำกว่า 5,000 ยูโร
แบตเตอรี่ขนาด 60 kWh (สำหรับรถ Subcompact) ต้นทุน 9,000 ยูโร จะลดลงเหลือเพียง 2,700 ยูโร
การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้รถ Subcompact EV ที่เคย "แพงเกินไป" กลายเป็นตัวเลือกที่ "คุ้มค่ากว่า" รถสันดาปในทันที
ต้นทุนแบตเตอรี่ที่ถูกลงไม่ได้หมายถึงแค่ "รถราคาถูก" แต่ยังหมายถึง "ความหลากหลาย" และ "การใช้งานได้จริง" ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
รถซิตี้คาร์ ปัจจุบันรถขนาดเล็กมีแบตเตอรี่เพียง 20-30 kWh ซึ่งแทบใช้งานจริงจังไม่ได้นอกจากจ่ายตลาด แต่ในอนาคต รถเหล่านี้จะสามารถติดตั้งแบตเตอรี่ 50 kWh หรือ 65 kWh ได้ในราคาที่ถูกลง ทำให้มันกลายเป็นรถที่สามารถขับขี่ทางไกลทั่วยุโรปได้
รถ Subcompact ด้วยแบตเตอรี่ที่ใหญ่ถึง 90 kWh รถขนาดเล็กจะสามารถเป็นรถลากจูงคาราวานขนาดเล็กที่ใช้ไปท่องเที่ยวทางไกล ซึ่งเป็นที่นิยมมากในยุโรป
รถขนาดกลาง ค่ายรถยนต์สามารถใช้แบตเตอรี่ขนาด 120 kWh ได้โดยไม่ต้องเพิ่มราคาขาย ซึ่งจะช่วย "ขจัดความกังวลเรื่องการชาร์จ" (Charging Anxiety) ให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง
Vinkhuyzen สรุปว่า แม้ค่ายรถยุโรปจะพยายามตรึงราคาไว้ แต่กฎหมายต่อต้านการผูกขาดของ EU นั้นเข้มงวดมาก ขอเพียงมีผู้ผลิต "เพียงรายเดียว"
เช่น Volvo ที่ประกาศเลิกผลิต ICE ภายในปี 2030 หรือค่ายรถจากเวียดนาม อินเดีย ตุรกี และจีน ที่กล้าหั่นราคาเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด ค่ายอื่นๆ ก็จำเป็นต้องลดราคาตามลงมาอย่างไม่มีทางเลือก
ที่มา : cleantechnica, cleantechnica