ปัญหาสิ่งแวดล้อมปี’69 ดินถล่ม-น้ำท่วม-ฝุ่นพิษ ไฟป่า ยังน่าห่วง-เร่งเฝ้าระวังเข้ม

ท่ามกลางความผันผวนของโลกยุคปัจจุบัน วิกฤตสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาวะโลกร้อนและความแปรปรวนของสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนทั่วโลก สำหรับประเทศไทย ปี 2568 ที่ผ่านมาเป็นอีกปีที่ต้องเผชิญบททดสอบหนักจากภัยธรรมชาติหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่น้ำท่วมฉับพลัน ภัยแล้ง ไปจนถึงมลพิษทางอากาศที่กลับมาสร้างผลกระทบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2569 สัญญาณความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมยังไม่คลี่คลาย หากแต่ยิ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปัญหาดินถล่ม น้ำท่วม ฝุ่นพิษ และไฟป่าที่ยังคงน่าเป็นห่วง และอาจทวีความรุนแรงขึ้นจากสภาพอากาศสุดขั้ว วาระสิ่งแวดล้อมจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของธรรมชาติอีกต่อไป แต่เป็นโจทย์เร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันเฝ้าระวังและรับมืออย่างจริงจัง

ล่าสุด ‘ดร.รวีวรรณ ภูริเดช’ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวในงานแถลงข่าว “ของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2569 ว่า สถานการณ์สิ่งแวดล้อมไทยในปีนี้ และปี2569ยังคงน่าเป็นห่วงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ถาโถมเข้ามาแบบไม่หยุดยั้ง จากข้อมูลล่าสุดพบว่า ปัญหาที่หนักหนาสาหัสที่สุดในปีที่ผ่านมาคือ เหตุการณ์ดินถล่มในช่วงต้นปี และวิกฤตน้ำท่วมล่าสุดที่อำเภอหาดใหญ่ ซึ่งทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องระดมสรรพกำลัง ทั้งการใช้เฮลิคอปเตอร์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยและเด็กเล็ก รวมถึงการใช้เรือเข้าช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ติดค้างตามบ้านเรือนเพื่อนำส่งศูนย์อพยพอย่างเต็มกำลัง

ขณะที่วิกฤตภัยพิบัติทางน้ำยังไม่ทันซา "หมอกควันและไฟป่า" ก็เริ่มกลับมาคุกคามอีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศปิด ซึ่งเราจะเริ่มเห็นตัวเลข ฝุ่นPM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครพุ่งสูงขึ้นจนเริ่มเป็น "สีส้ม" โดยแหล่งกำเนิดฝุ่นนอกจากรถยนต์ในเมืองหลวงแล้ว ส่วนหนึ่งยังมาจาก พื้นที่เผาบริเวณตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร ที่ลมพัดพาฝุ่นเข้ามาในพื้นที่

นอกจากนี้ยังต้องแผนการรับมือไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ โดยทางกระทรวงฯ ยืนยันว่าอยู่ในช่วงเวลาที่ "คลาดสายตาไม่ได้" โดยมีการยกระดับมาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น ดังนี้

• การเฝ้าระวังพื้นที่ 14 กลุ่มป่าสำคัญ: มีการประชุมซักซ้อมความเข้าใจร่วมกับหน่วยป่า ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด

• ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย: นำข้อมูลจาก GISTDA และดาวเทียม มาใช้ตรวจจับจุดความร้อน (Hotspot) เมื่อพบจุดความร้อนจะแจ้งเตือนผ่านระบบฮอตไลน์ไปยังจังหวัดและหน่วยงานในพื้นที่ทันทีเพื่อให้เข้าไประงับเหตุได้ทันท่วงที

• เตรียมความพร้อมทางอากาศ: มีการสแตนบายเฮลิคอปเตอร์ไว้ทั้งที่กรุงเทพฯ และนครสวรรค์ เพื่อให้สามารถปฏิบัติการดับไฟป่าหรือช่วยเหลือประชาชนได้ทันเวลา

อย่างไรก็ตามทางกระทรวงฯ ย้ำชัดว่าปัญหาภัยพิบัติเหล่านี้คือภารกิจเร่งด่วนที่ต้องพร้อมเผชิญเหตุตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดก็ตาม โดยเฉพาะในช่วง 90 วันข้างหน้า ถือเป็นช่วงเวลาวิกฤตที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการจัดการปัญหาเฉพาะหน้า

ท่ามกลางสัญญาณเตือนจากธรรมชาติที่ถี่และรุนแรงขึ้น ปัญหาสิ่งแวดล้อมในปี 2569 ไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป ทั้งดินถล่ม น้ำท่วม ฝุ่นพิษ และไฟป่า ล้วนสะท้อนผลกระทบจากโลกร้อนและโลกรวนที่กำลังกัดกินคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างเงียบงัน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงเดินหน้าเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น เปิดแผนรับมือเชิงรุก ลดความเสี่ยงและความสูญเสียให้ได้มากที่สุด แต่การแก้ปัญหานี้จะสำเร็จไม่ได้ หากขาดพลังจากประชาชน การตระหนักรู้ ปรับพฤติกรรม และร่วมมือกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติ คือกุญแจสำคัญในการประคองประเทศให้ก้าวผ่านวิกฤตสิ่งแวดล้อม และรักษาอนาคตของคนรุ่นต่อไปให้ยังมีลมหายใจของธรรมชาติอยู่ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ปีแรกแห่งการกลับมาของทรัมป์ ทำอะไรลงไปกับ 'สิ่งแวดล้อม' ?

• คนรุ่นใหม่อายุน้อยลง! สนใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น TCP Spirit ปลุกพลังคนรุ่นใหม่

• พ.ร.บ.โลกร้อน! สร้างอาชีพใหม่ ‘งานสายสิ่งแวดล้อม’ 50,000 ตำแหน่ง