svasdssvasds

ถึงเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกตายแบบลด Carbon Footprint ต่อโลกด้วยปุ๋ยมนุษย์

ถึงเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกตายแบบลด Carbon Footprint ต่อโลกด้วยปุ๋ยมนุษย์

การทำ ปุ๋ยมนุษย์ ทางเลือกใหม่เพื่อลดการสร้าง Carbon Footprint ให้กับสิ่งแวดล้อม ความท้าทายเมื่อมลพิษทางอากาศเป็นโจทย์ที่ต้องหาทางแก้ไข แม้ยังมีอุปสรรคด้านพื้นที่และเวลาที่มีผลกับการดำเนินธุรกิจให้คุ้มค่ากับการลงทุน

จากประกาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดให้เตาเผาศพเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2565 ปรับปรุงประกาศฉบับเดิมที่ออกเมื่อปี 2546 ซึ่งฉบับล่าสุดมีการกำหนดรายละเอียดการควบคุมการปล่อยมลพิษด้วยการใช้มาตรฐานค่าความทึบแสงของเขม่าควัน ที่การควบคุมจำกัดเพดานของมลภาวะที่ปล่อยออกมามากกว่าเดิม

ซึ่งดูเหมือนว่าการเผาศพจะเป็นวิธีการจัดการศพที่ต้องมีการควบคุมดูแล แล้วรู้มั้ยว่า? การเผาศพหนึ่งศพปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 418 ปอนด์ขึ้นไปในอากาศ เทียบเท่าได้กับการขับรถเป็นระยะทาง 470 ไมล์ในรถยนต์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แล้วมีทางเลือกอื่นที่จะช่วยลด Carbon Footprint แทนการเผาบ้างมั้ย?
การนำศพมาทำเป็นปุ๋ยมนุษย์ (Human Composting) เป็นการใช้พลังงานน้อยกว่าการเผาศพซึ่งใช้ก๊าซฟอสซิลที่มีความร้อนมากกว่า 1,400 องศาฟาเรนไฮต์ (760 เซลเซียส)

Katrina Spade ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Recompose เป็นสถานที่จัดงานศพสีเขียวที่ได้รับใบอนุญาตในซีแอตเทิล กล่าวว่า เมื่อมีการนำศพมาทำเป็นปุ๋ยมนุษย์ (Human Composting) สารอินทรีย์ในร่างกาย จะกลายเป็นคาร์บอนที่ถูกกักเก็บในดินแทนการปล่อยขึ้นเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 

Recompose เป็นสถานที่ ทำปุ๋ยมนุษย์ (Human Composting) แห่งแรกของสหรัฐอเมริกา โดยเริ่มต้นธุรกิจเมื่อปี 2020 โดยเธอขยายโปรเจคมาจากไอเดีย การทำปุ๋ยจากปศุสัตว์หรือสัตว์เลี้ยงที่ตายในฟาร์ม เพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่บนผืนดินได้อีกครั้ง

ซึ่งการนำศพมาทำเป็นปุ๋ยมนุษย์ (Human Composting) เป็นการลดสารอินทรีย์ตามธรรมชาติแปลงเป็นดินที่มีสารอาหารหนาแน่นซึ่งสามารถนำกลับคืนสู่มือคนในครอบครัวหรือกลับคืนสู่ผืนดิน 

โดยกระบวนการจัดการนำศพมาเป็นปุ๋ยมนุษย์ (Human Composting) ของ Recompose คือ การนำศพเข้าใส่เข้าไปในเหล็กทรงกระบอกที่มีความยาว 8 ฟุตและสูง 4 ฟุตวางลงบนเตียงที่ปูด้วย เศษไม้ หญ้าชนิตหนึ่งและฟาง ในเวลา 30 วันในการย่อยสลายตามธรรมชาติ ร่างหนึ่งสร้างเป็นดินได้ประมาณหนึ่งลูกบาศก์หลา นำไปช่วยปรับพื้นผิวดินและคุณภาพดิน ซึ่งต้องผ่านกระบวนการอีก 2 ถึง 6 สัปดาห์ก่อนที่จะส่งต่อจำนวนหนึ่งกลับคืนสู่ครอบครัวหรือโครงการด้านงานอนุรักษ์

กระบวนการเปลี่ยนศพเป็นปุ๋ยมนุษย์ของ recompose life

นับตั้งแต่เปิดตัว Recompose ได้ นำศพมาทำเป็นปุ๋ยมนุษย์ (Human Composting) ไปแล้วมากกว่า 200 ราย และมีผู้ลงทะเบียนล่วงหน้าอีกกว่า 1,100 คน 

ทั้งนี้ยกเว้นสามโรคที่หายากที่ทำให้ร่างกายขาดคุณสมบัติจากการทำปุ๋ยหมักของมนุษย์ Spade ได้แก่ อีโบลา วัณโรค และโรคที่เกิดจากพรีออน เช่น โรคสมองอักเสบแบบติดต่อ โรคชนิดนี้เป็นโรคที่ทำอันตรายถึงชีวิตได้ พบในทั้งคนและสัตว์ สามารถถ่ายทอดได้จากการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ติดโรค

ตามรายงานของ Chemical & Engineering News สื่อสิ่งพิมพ์ของ American Chemical Society ในสหรัฐอเมริกาอ้างอิงข้อมูลของ Green Burial Council Inc. ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลมาตรฐานการรับรองสำหรับสุสาน โรงฝังศพ และผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนร่วมในการฝังศพอย่างยั่งยืน ระบุว่าการเผาศพคิดเป็น 1.74 พันล้านปอนด์ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในแต่ละปี

ส่วนวอชิงตันเป็นรัฐแรกที่ออกกฎหมายให้ปุ๋ยหมักของมนุษย์ในปี 2019 รองลงมาคือโอเรกอน โคโลราโด และเวอร์มอนต์ สำหรับแคลิฟอร์เนียได้กลายเป็นรัฐล่าสุดที่ลงนามในกฎหมายว่าด้วยการทำปุ๋ยหมักของมนุษย์ในกฎหมาย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2570 

สมาชิกสภาแคลิฟอร์เนีย คริสตินา การ์เซีย (Cristina Garcia) ผู้เสนอกฏหมาย กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแห้งแล้งและไฟป่ารุนแรงที่ย้ำเตือนปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องลดการปล่อยก๊าซมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์

แนวโน้มผู้ที่ให้ความสนใจดูเหมือนว่าจะมีเพิ่มขึ้นพบว่า 60.5% ของผู้ตอบแบบสอบถามสนใจที่จะสำรวจตัวเลือกงานศพที่ "เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม" เนื่องจากอาจเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม การประหยัดต้นทุน

นอกจากนี้รัฐอื่นๆ ในสหรัฐฯ ที่อยู่ในกระบวนการร่างกฏหมาย เพื่ออนุญาต การนำศพมาทำเป็นปุ๋ยมนุษย์ (Human Composting) ในไม่ช้า ได้แก่ รัฐนิวยอร์ก และในรัฐแมสซาชูเซตส์

ถ้ากล่าวกันตามความเชื่อของศาสนาฮินดูและพุทธในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น พระแม่ธรณี ยกให้เป็น มารดาของแผ่นดิน ถือเป็นจุดก่อเกิดสรรพสิ่งทั้งปวงในโลก มีปรากฏในคัมภีร์และงานเขียนต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อและความผูกพันที่มนุษย์มีกับธรรมชาติมาตั้งแต่ครั้้งอดีต แล้วจะเป็นอย่างไร ถ้าปลายทางสุดท้ายของมนุษย์จะกลับคืนกลายเป็นดินเพื่อสร้างประโยชน์ต่อพื้นดินและมนุษย์โลกต่อไป 

แต่อย่างไรก็ตามกระบวนการ นำศพมาทำเป็นปุ๋ยมนุษย์ (Human Composting) ยังถูกว่ามองต้องการพื้นที่โรงเก็บศพจำนวนมากและใช้เวลาไม่น้อยกว่ 120 วันถึงจะกลายสภาพเป็นปุ๋ยเพื่อนำกลับคืนสู่ดิน ซึ่งเทียบกับการเผาศพที่ใช้เวลาเพียงวันเดียวกัน หรือถ้าเป็นการฝังศพจะอยู่ระหว่างสามถึงห้าวัน จึงทำให้ยังไม่สามารถรองรับศพเป็นจำนวนมากได้ ซึ่งในมุมของการทำธุรกิจอาจต้องคำนึงถึงต้นทุนหรือผลตอบแทนที่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องคำนึงถึง 

ที่มา
กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ

bbc.com

edition.cnn.com

related