อำลา อาลัย ฮัลค์ โฮแกน ผู้ชายที่เคยเป็น ไอคอนวัฒนธรรมป๊อปอเมริกัน - และภาพจำ "วีรบุรุษอเมริกัน" จากเวทีมวยปล้ำ เขาจากโลกนี้ไปแล้ว ด้วยวัย 71 ปี
ฮัลค์ โฮแกน หนึ่งในบุคคลผู้ทรงอิทธิพลและเป็นที่จดจำมากที่สุดในประวัติศาสตร์มวยปล้ำอาชีพ เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 71 ปี เขาไม่ใช่เพียงแชมป์โลกบนสังเวียน แต่เป็นผู้ที่นำพามวยปล้ำออกจากแวดวงกีฬาเฉพาะกลุ่ม สู่การเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมกระแสหลักในยุค 80s และทิ้งมรดกที่ร้อยเรียงเข้ากับจิตวิญญาณของชาวอเมริกันไว้
เทอร์รี จีน โบลเลีย หรือที่โลกรู้จักในนาม "ฮัลค์ โฮแกน" เสียชีวิตอย่างสงบด้วยภาวะหัวใจวายเฉียบพลันที่บ้านพักในรัฐฟลอริดา การจากไปของเขาถือเป็นการปิดฉากตำนานของ "ซูเปอร์ฮีโร่ที่มีชีวิต" ผู้สร้างปรากฏการณ์ "ฮัลคาเมเนีย" (Hulkamania) และ ครั้งหนึ่ง เขาเคยเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมป๊อปอเมริกันอย่างแท้จริง
ในช่วงทศวรรษ 1980 ก่อนยุคของฮัลค์ โฮแกน มวยปล้ำเป็นเพียงความบันเทิงระดับภูมิภาค แต่การปรากฏตัวของเขาในสมาคม World Wrestling Federation (WWF) ได้เปลี่ยนทุกสิ่งไปตลอดกาล ด้วยรูปลักษณ์อันโดดเด่น—ผมสีบลอนด์ยาวสลวย หนวดทรงแฮนเดิลบาร์ และกล้ามเนื้อที่เขาเรียกว่า "ไพธอนส์ 24 นิ้ว" (24-inch pythons)—โฮแกนได้สร้างภาพลักษณ์ของ "วีรบุรุษอเมริกันผู้มีชีวิตจริง" (Real American Hero)
หัวใจสำคัญของความสำเร็จคือการสร้างค่านิยมเชิงบวก โฮแกนโบกธงชาติอเมริกาอย่างภาคภูมิใจ ใช้เพลงเปิดตัว "Real American" และมอบคำขวัญอมตะแก่แฟนๆ รุ่นเยาว์ว่า "จงฝึกฝน สวดภาวนา และกินวิตามินของคุณ" (Train, say your prayers, and eat your vitamins) สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงามและความแข็งแกร่งในยุคสงครามเย็น เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณอเมริกันที่ต่อสู้กับ "ผู้ร้าย" ซึ่งมักเป็นภาพแทนของชาติปรปักษ์
ฮัลค์ โฮแกน คือนักมวยปล้ำคนแรกๆ ที่ทลายกำแพงระหว่างวงการกีฬาและวงการบันเทิงกระแสหลักได้อย่างสมบูรณ์
ภาพยนตร์และโทรทัศน์: การปรากฏตัวในบท "ธันเดอร์ลิปส์" (Thunderlips) ในภาพยนตร์เรื่อง Rocky III (1982) ทำให้ชื่อของเขาดังกระหึ่มไปทั่วโลก ก่อนจะมีผลงานตามมาอีกมากมายทั้ง No Holds Barred, Suburban Commando และรายการเรียลลิตี้โชว์ Hogan Knows Best ซึ่งทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักในทุกครัวเรือน
แบรนด์และการตลาด: ใบหน้าของโฮแกนกลายเป็นแบรนด์ที่ทรงพลัง สินค้ามากมายตั้งของเล่น วิดีโอเกม เสื้อผ้า ไปจนถึงซีเรียลอาหารเช้า ถูกผลิตออกมาเพื่อตอบสนองต่อกระแสฮัลคาเมเนีย เขาพิสูจน์ให้เห็นว่านักกีฬาสามารถเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางการตลาดได้อย่างมหาศาล
ผู้สร้าง Wrestle Mania: โฮแกนคือแม่เหล็กสำคัญที่ทำให้ศึก Wrestle Mania ครั้งแรกในปี 1985 ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย และวางรากฐานให้มวยปล้ำกลายเป็น "Sports Entertainment" ระดับโลกมาจนถึงปัจจุบัน
แม้ภาพลักษณ์วีรบุรุษจะฝังรากลึก แต่ในปี 1996 โฮแกนได้สร้างความตกตะลึงครั้งใหญ่ ด้วยการย้ายไปสมาคมคู่แข่ง WCW และพลิกบทบาทเป็น "ฮอลลีวูด ฮัลค์ โฮแกน" ผู้นำกลุ่มอธรรม New World Order (nWo) การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่ปลุกกระแสความนิยมในตัวเขาให้กลับมาอีกครั้ง แต่ยังจุดชนวน "สงครามเรตติ้งคืนวันจันทร์" (Monday Night Wars) ซึ่งถือเป็นยุคที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์มวยปล้ำ
อย่างไรก็ตาม เส้นทางของเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ในปี 2015 เขาถูกปลดจาก WWE หลังมีเทปเสียงที่เขาใช้ถ้อยคำเหยียดเชื้อชาติหลุดออกมา แม้จะได้รับการคืนสถานะในอีก 3 ปีต่อมา แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ยังคงเป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตของเขา
การจากไปของโฮแกนได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทุกวงการ ตั้งแต่วงการมวยปล้ำ การเมือง ไปจนถึงฮอลลีวูด
WWE ออกแถลงการณ์ยกย่องว่า "ในฐานะหนึ่งในบุคคลที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในวัฒนธรรมป๊อป โฮแกนได้ช่วยให้ WWE ได้รับการยอมรับในระดับโลก" ขณะที่ ริก แฟลร์ ตำนานมวยปล้ำกล่าวว่า "โลกมวยปล้ำได้สูญเสียตำนานที่แท้จริงไปแล้ว"
ในแวดวงการเมือง โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งโฮแกนเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญ ได้เขียนอาลัยว่า "ได้สูญเสียเพื่อนที่ยอดเยี่ยมไปในวันนี้"
มรดกของ ฮัลค์ โฮแกน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตำแหน่งแชมป์หรือชัยชนะบนสังเวียน แต่คือการที่เขาได้เปลี่ยนโฉมหน้าของความบันเทิงไปตลอดกาล เขาคือสถาปนิกผู้สร้างมวยปล้ำให้เป็นมหรสพสำหรับทุกคน และเป็นภาพสะท้อนของวัฒนธรรมอเมริกันในช่วงเวลาหนึ่งอย่างสมบูรณ์แบบ แม้ตัวเขาจะจากไปแล้ว แต่เสียงตะโกนว่า "Whatcha gonna do, when Hulkamania runs wild on you?" จะยังคงก้องกังวานอยู่ในความทรงจำของแฟนๆ ทั่วโลกตลอดไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง