“การดูแลทหารไม่ใช่จ่ายเงินก้อนแล้วจบ” กรณีศึกษากฎหมาย G.I. Bill ของสหรัฐฯ ที่ลงทุนให้ทหารสร้างชีวิตใหม่ มอบทุนการศึกษา กู้เงินซื้อบ้าน ให้สมกับที่พลีชีพเพื่อชาติ
ยามสงคราม...มีความสูญเสีย หนึ่งในสิ่งที่รัฐควรทำคือดูแลรับผิดชอบชีวิตทหาร แต่ละประเทศมีนโยบายด้านนี้แตกต่างกัน และมีรายละเอียดยิบย่อย เช่น เสียชีวิตในหน้าที่ หรือมีชีวิตรอดไปได้ อันรู้จักกันในนามทหารผ่านศึก (veteran) แค่ตายกับไม่ตาย หรือบาดเจ็บพิการ ก็ได้เงินไม่เท่ากัน
ประเด็นก็คือแต่ละประเทศมีวิธีดูแลรับผิดชอบชีวิตทหารไม่เหมือนกัน หนึ่งในโมเดลที่เราพาไปดูในวันนี้คือ ‘สหรัฐอเมริกา’ มหาอำนาจโลกรายนี้มีหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านนี้โดยเฉพาะในชื่อ ‘กระทรวงการทหารผ่านศึกสหรัฐฯ' หรือ VA
กล่าวแบบรวดรัด VA มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบให้และบริการทหารผ่านศึกตลอดจนสิ้นอายุขัย ไม่ว่าจะด้านการเงิน เช่น ค่าฝังศพ หรือเงินสนับสนุนให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต หรือให้บริการด้านสุขภาพ เรื่อยไปจนถึงสิทธิประโยชน์ด้านต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อชีวิต
เรื่องที่น่าคิดต่อก็คือ การดูแลชีวิตทหารที่ออกไปทำภารกิจเพื่อชาติ แค่ได้รับเงินก้อนแล้วจบหรือไม่ หรือแท้จริงแล้ว รัฐควรดูแลรับผิดชอบ ‘คุณภาพชีวิต’ เพื่อให้ทหารเหล่านี้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปในสังคมในฐานะพลเมืองคนหนึ่งได้
สหรัฐอเมริกาออกกฎหมาย G.I. Bill มาตั้งแต่ปี 1944 ในสมัยประธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt โดยสถาบันที่เป็นหัวเรือหลักในการผลักดันร่างกฎหมายนี้คือ สมาคมทหารผ่านศึกอเมริกัน ซึ่งได้ออกแบบและปรับให้เข้ากับการใช้ชีวิตของทหารผ่านศึกในฐานะพลเมือง ออกมาเป็น 3-4 ด้านอันจะขยายให้เห็นในลำดับถัดไป
ทหารผ่านศึกมีทั้งคนที่สมบูรณ์ครบ 32 กับอีกกลุ่มที่กลายเป็นบุคคลทุพพลภาพ เช่น ‘ผู้หมวดแดน’ จากเรื่อง Forest Gump (1994) ที่เสียขาทั้ง 2 ข้างไปจากการเข้าร่วมสงครามเวียดนาม กลุ่มนี้กลายเป็นคนสิ้นหวังกับชีวิต ไม่มีงานทำ หรือพูดแบบรวดรับคือ ไม่รู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง
นี่ยังไม่รวมถึงปัญหาด้านสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล ฝันร้าย ซึ่ง ณ ตอนนั้นโลกยังไม่รู้จักกับอาการ PTSD และถึงแม้จะได้รับทุนแล้ว ทหารผิวดำเจอปัญหาการแบ่งแยกสีผิว เช่น ถูกกีดกันในการขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านในย่านที่ดี
กฎหมาย G.I Bill ดูแลรับผิดชอบทหารผ่านศึกในแง่มุมใดบ้าง พร้อมอ่านเรื่องราวของ พอล นิวแมน นักแสดงระดับโลก อดีตทหาร World War II ที่ได้ทุนช่วยเหลือจาก G.I. Bill จนกลายมาเป็นนักแสดงระดับดาวค้างฟ้าแบบที่เรารู้จักกัน
เหตุฉะนี้ กฎหมาย G.I. Bill จึงเข้ามาดูแลรับผิดชอบทหารผ่านศึกใน 3-4 ด้านหลัก ๆ ได้แก่
การมีบ้านและที่ดิน - กฎหมายนี้มอบสิทธิกู้เงินเพื่อซื้อบ้านหรือที่ดินสำหรับทำเกษตรกรรม ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ไม่ต้องวางเงินดาวน์ ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่านี่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดความเจริญ เพราะเมืองขยายตัวขึ้น
ให้เงินช่วยเหลือ/หางาน - ทหารผ่านศึกที่ว่างงานจะได้รับเงินช่วยเหลือ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์ และตั้งหน่วยงานเพื่อช่วยจัดหางานทำ และที่ฝึกงาน
การรักษาพยาบาล - เดิมที การดูแลรักษาพยาบาลมี VA คอยดูแลอยู่แล้ว แต่โฟกัสเฉพาะทหารผ่านศึกในสงครามโลกครั้งที่ 1 พอมีสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ต้องขยายหน่วยงานเพิ่ม เพื่อรองรับทหารผ่านศึกที่มากขึ้น ครอบคลุมบริการหลายประเภท เช่น รักษาทั่วไป ผ่าตัด เวชศาสตร์ฟื้นฟู ยารักษาโรค การบำบัด (กาย-ใจ)
การศึกษา - G.I. Bill มอบทุนการศึกษาปีละ 500 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งพอสำหรับค่าใช้จ่ายในยุค 1940s ครอบคลุมค่าครองชีพรายเดือน เช่น อาหาร ที่พัก รวมถึงค่าอุปกรณ์การเรียน และหนังสือ ทั้งนี้ นอกจากจะได้เล่าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ยังให้สิทธิฝึกงานในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ
ในแง่การศึกษา ข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า 7 ปี หลังมีการใช้กฎหมาย G.I. Bill มีทหารผ่านศึกมากกว่า 2.2 ล้านคนได้เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย และอีกกว่า 5.6 ล้านคนเข้ารับการฝึกอบรมสายอาชีพหรือการฝึกงาน
หนึ่งในทหารที่รับเงินสนับสนุนจากกฎหมาย G.I. Bill คือ พอล นิวแมน (Paul Newman) นักแสดงและผู้กำกับชาวอเมริกัน หนึ่งในนักแสดงที่ทรงอิทธิพลที่สุดของยุค ฝากผลงานระดับขึ้นหิ้งไว้มากมาย เช่น Cat on a Hot Tin Roof (1958), The Hustler (1961), Cool Hand Luke (1967) ฯลฯ
พอล นิวแมน ในวัย 18 ปี เข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนแรกเขาเข้าเรียนในโครงการฝึกนักบิน V-12 ของกองทัพเรือที่มหาวิทยาลัยเยล โดยหวังว่าจะเป็นนักบิน แต่มีการตรวจพบว่าเขาตาบอดสี เขาจึงถูกย้ายไปประจำอยู่ที่ฐานทัพเรือในฮาวาย ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิทยุชั้นสามและพลปืนท้ายเครื่องบินทิ้งระเบิดตอร์ปิโด
พอล นิวแมนปลดประจำการทหารในปี 1946 หลังจากนั้นจึงใช้ทุน G.I. Bill เข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยเคนยอน นิวแมนสนใจด้านการแสดงเป็นพิเศษ ติดใจถึงขั้นไปศึกษาต่อด้านการแสดงที่ Yale drama school ในรัฐคอนเนตทิคัต จึงอาจกล่าวได้ว่าเขาใช้ G.I. Bill ในการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตจากทหารสู่การเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัว
ราวปี 1950 พอล นิวแมน หลังผ่านการเล่นละครเวทีมานาวนาน ความหล่อเหลาไปเข้าตา Warner Bros. สตูดิโอยักษ์ใหญ่แห่งฮอลลีวูด และมีผลงานเรื่องแรกออกมา The Silver Chalice (1954) กำกับโดย วิกเตอร์ ซาวิลล์ (Victor Saville) และกลายเป็นพระเอกตาฟ้าที่ครองหัวใจผู้ชมไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
จุดยืนส่วนตัวในเรื่องสงคราม พอล นิวแมน เคยเฉียดตายมาแล้ว และได้รู้ว่าชีวิตมนุษย์นั้นเปราะบาง และมีคุณค่ามากแค่ไหน ช่วงเกิดสงครามเวียดนามในสมัยประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เขาเคยออกมารณรงค์ต่อต้านสงคราม ทั้งยังเป็นผู้ที่เห็นด้วยกับการให้ประเทศต่าง ๆ ปลดอาวุธนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม กฎหมาย G.I Bill มีเงื่อนไขเปลี่ยนไปจากอดีตค่อนข้างเยอะ แต่สาระสำคัญดังที่ได้กล่าวมายังมีครบถ้วน
ทั้งนี้ เรื่องราวของ Paul Newman และกฎหมาย G.I. Bill จากสหรัฐฯ เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจว่า การดูแลทหารผ่านศึกไม่ได้หมายถึงแค่การจ่ายเงินก้อนให้จบไป แต่เป็นการลงทุนในชีวิตและศักยภาพของพวกเขา เพื่อให้คนเหล่านี้มีโอกาสสร้างชีวิตใหม่หลังจากการเสียสละเพื่อชาติ แล้วสำหรับประเทศไทย เราได้ลงทุนในคุณภาพชีวิตของทหารผ่านศึกของเราอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง
ที่มา: National Archieves, Air Force Times, vanguardofhollywood, U.S. Department of Veterans Affairs
ข่าวที่เกี่ยวข้อง