svasdssvasds

ความยิ่งใหญ่ เอเลียด คิปโชเก้ เปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้กลายเป็นความจริง

ความยิ่งใหญ่ เอเลียด คิปโชเก้  เปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้  ให้กลายเป็นความจริง

ย้อนเรื่องราว เอเลียด คิปโชเก้ : ผู้พามนุษยชาติทะลุกำแพง 2 ชั่วโมง (เปรียบดั่งการเหยียบดวงจันทร์แห่งวงการวิ่ง)

SHORT CUT

  • เอเลียด คิปโชเก้ สร้างประวัติศาสตร์เป็นมนุษย์คนแรกที่วิ่งมาราธอนในเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมง (1:59:40) ซึ่งเป็นสิ่งที่เคยเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ทางสรีรวิทยา
  • ความสำเร็จนี้เกิดจากการวางแผนอย่างสมบูรณ์แบบในโครงการ INEOS 1:59 Challenge ที่ใช้ทีม Pacemaker ระดับโลก เทคโนโลยีล้ำสมัย และการเลือกสนามที่เหมาะสมที่สุด
  • ชัยชนะครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์ปรัชญา "No Human is Limited" ที่มีรากฐานจากวินัยอันเข้มงวด เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและขยายขอบเขตความเป็นไปได้ให้มวลมนุษยชาติ

ย้อนเรื่องราว เอเลียด คิปโชเก้ : ผู้พามนุษยชาติทะลุกำแพง 2 ชั่วโมง (เปรียบดั่งการเหยียบดวงจันทร์แห่งวงการวิ่ง)

ส่งต่อความฝันให้กับคนทั้งโลก! สิ่งที่ เอเลียด คิปโชเก เคยทำไว้ คงเทียบเท่าได้กับ การไป "เหยียบดวงจันทร์" แห่งวงการวิ่งมาราธอน 

เมื่อ "เอเลียด คิปโชเก" ทลายกำแพง 2 ชั่วโมง เปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้กลายเป็นความจริง

หากประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เคยบันทึกไว้ว่า วันที่ 20 กรกฎาคม 1969 คือวันที่ นีล อาร์มสตรอง พามนุษย์ก้าวข้ามขีดจำกัดทางดาราศาสตร์ด้วยการเหยียบดวงจันทร์... วันที่ 12 ตุลาคม 2019 หรือเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ที่เวียนนา ประเทศออสเตรีย ก็ควรค่าแก่การถูกจารึกว่าเป็นวันที่ "เอเลียด คิปโชเก" พามนุษย์ชาติก้าวข้ามขีดจำกัดทางสรีรวิทยา ด้วยการวิ่งมาราธอนจบภายในเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ไม่เคยมีใครทำได้ 

1 ชั่วโมง 59 นาที 40 วินาที คือตัวเลขที่หยุดโลก ในช่วงเวลานั้น และเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ยืนยันวาทะของคิปโชเก้ ที่ว่า "No Human is Limited" (มนุษย์ไร้ซึ่งขีดจำกัด) และนี่คือสิ่งที่จุดประกายต่อยอดแห่งความฝันไปได้อีกไกล  

กำแพงที่ยากเกินกว่ามนุษย์จะก้าวข้าม 

ในโลกของการวิ่ง ในระยะมาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตร คือบททดสอบความอดทนขั้นสูงสุด นับตั้งแต่โอลิมปิกสมัยใหม่ครั้งแรกในปี 1896 สถิติของมนุษย์ค่อยๆ ถูกทำลายลงตามวิวัฒนาการ แต่มีกำแพงหนึ่งที่ตั้งตระหง่านท้าทายกาลเวลา นั่นคือ "กำแพง 2 ชั่วโมง"

นักวิทยาศาสตร์การกีฬาและผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเคยลงความเห็นตรงกันว่า การวิ่งมาราธอนให้เร็วกว่า 2 ชั่วโมงนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ทางชีวภาพ จนกระทั่งการมาถึงของชายชาวเคนยา ผู้เปรียบเสมือน "นักปราชญ์ในรองเท้าวิ่ง" ชื่อว่า เอเลียด คิปโชเก

แต่ลำพังเพียง "นักวิ่งที่เก่งกาจ" นั้นไม่เพียงพอ การจะทำภารกิจระดับ Moon-Landing นี้ให้สำเร็จ จำเป็นต้องมีองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบที่สุด 2 ประการ

  • สุดยอดมนุษย์ที่มีวินัยดั่งเครื่องจักร
  • สุดยอดวิศวกรรมและการบริหารจัดการที่ไร้รอยต่อ
     

บทเรียนจากความล้มเหลว สู่ตัวเลข 1:59 

นี่ไม่ใช่ความพยายามครั้งแรก ย้อนกลับไปปี 2017 ในโปรเจกต์ Breaking2 ของ Nike ที่สนามแข่งรถมอนซา อิตาลี คิปโชเกพลาดเป้าไปเพียง 25 วินาที (ทำเวลาได้ 2:00:25 ชม.) ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นสอนให้โลกรู้ว่า สภาพอากาศ ความชื้น และจังหวะการวิ่งเพียงเสี้ยววินาที คือตัวแปรแห่งความตาย

ในวัย 34 ปี ในวันนั้น ซึ่งถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของจุดพีคในอาชีพนักวิ่ง คิปโชเก้เดิมพันครั้งใหม่กับโปรเจกต์ INEOS 1:59 Challenge โดยถอดบทเรียนทุกอย่างมาแก้ไข:

สนามที่ใช่: เปลี่ยนจากสนามแข่งรถที่เงียบเหงา มาเป็นสวนสาธารณะ The Prater ในกรุงเวียนนา ที่ราบเรียบ มีต้นไม้บังลม และที่สำคัญคือ "มีผู้ชม"

กองทัพ Pacemaker: การระดมพลนักวิ่งระดับ "ออลสตาร์" 41 ชีวิต (รวมถึงพี่น้องตระกูลอินเกบริกเซ่น และตำนานอย่าง เบอร์นาร์ด ลากัต) วิ่งแปรขบวนรูปหัวลูกศร (V-formation) เพื่อแหวกอากาศและลดแรงต้านลมให้คิปโชเก
เทคโนโลยี: รถนำขบวนยิงเลเซอร์สีเขียวลงบนพื้นถนน เพื่อกำหนดจังหวะความเร็วที่แม่นยำระดับวินาที ผสานกับรองเท้า Nike Prototype (Alphafly) ที่ออกแบบมาเพื่อส่งคืนพลังงานในทุกก้าว

ความยิ่งใหญ่ เอเลียด คิปโชเก้ เปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้กลายเป็นความจริง Credit ภาพ AFP

 1:59:40 วินาทีแห่งประวัติศาสตร์ 

เช้าวันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม อากาศเย็น 10 องศาเซลเซียส คิปโชเกเริ่มออกสตาร์ทด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่เปี่ยมด้วยสมาธิ ตลอดระยะทาง เขาทำงานประสานกับทีม Pacemaker อย่างกับมีหัวใจและร่างกายเดียวกัน

เมื่อถึงระยะ 500 เมตรสุดท้าย... สิ่งที่น่าขนลุกที่สุดได้เกิดขึ้น ทีม Pacemaker ที่ห้อมล้อมเขามาตลอด 42 กิโลเมตร แยกตัวออกไปด้านข้าง เปิดทางให้คิปโชเกวิ่งฉายเดี่ยวเข้าสู่เส้นชัย

วินาทีนั้น เขาไม่ใช่แค่กำลังวิ่ง แต่เขากำลัง "บิน" เข้าสู่หน้าประวัติศาสตร์ใหม่ คิปโชเก้เร่งความเร็ว ชูกำปั้นทุบอก และเข้าเส้นชัยด้วยรอยยิ้ม 1:59:40 กำแพงถูกทำลายลงแล้ว แม้สถิตินี้จะไม่ได้รับการรับรองจาก IAAF เนื่องจากเงื่อนไขพิเศษ (มีการหมุนเวียน Pacer และส่งน้ำ)

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งใหญ่กว่าเหรียญรางวัล มันคือการขยายขอบเขตจินตนาการของมนุษย์ และนี่คือการส่งต่อความคิด ส่งต่อแรงบันดาลใจ ส่งต่อความฝันให้กับคนทั้งโลก 

ส่งต่อความฝันให้กับคนทั้งโลก! สิ่งที่ เอเลียด คิปโชเก เคยทำไว้ คงเทียบเท่าได้กับ การไป "เหยียบดวงจันทร์" แห่งวงการวิ่งมาราธอน  credit ภาพ AFP

ปรัชญาแห่งวินัย: รากฐานของความสำเร็จ 

เบื้องหลังความสำเร็จที่ไม่น่าเชื่อนี้ ไม่ใช่ปาฏิหาริย์ แต่คือ "วินัย" คิปโชเก้ เคยกล่าวปาฐกถาที่ Oxford และยังเป็นไวรัลมาจนถึงทุกวันนี้ ว่า 

"คนที่มีวินัยในตัวเองเท่านั้น จะมีอิสระในชีวิต ถ้าคุณไม่มีวินัย คุณจะเป็นทาสของอารมณ์ ทาสของแพสชั่น การมีวินัยในตัวเอง คือการทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่การทำในสิ่งที่คุณแค่รู้สึกอยากทำ" 

ชีวิตของเขาสะท้อนปรัชญานี้อย่างหมดจด การกินอยู่อย่างสมถะ การซ้อมที่หนักหน่วง และจิตใจที่นิ่งสงบ คือกุญแจสำคัญ

เขามองว่าวินัยคือต้นไม้ที่ต้องหมั่นรดน้ำพรวนดิน เมื่อรากฐานแข็งแรง ดอกผลแห่งความสำเร็จ—แม้จะเป็นสิ่งที่โลกบอกว่าเป็นไปไม่ได้—ก็จะเบ่งบาน

ความยิ่งใหญ่ เอเลียด คิปโชเก้ เปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้กลายเป็นความจริง Credit ภาพ AFP

ชัยชนะของมวลมนุษยชาติ 

เช้าวันนี้ที่เวียนนา ไม่ใช่เพียงชัยชนะของ เอเลียด คิปโชเก หรือทีม INEOS แต่มันคือชัยชนะของมนุษย์ทุกคน

มันคือบทพิสูจน์ที่จับต้องได้ว่า เมื่อมนุษย์นำศักยภาพทางร่างกาย มาผสานกับสติปัญญาทางวิทยาศาสตร์ และขับเคลื่อนด้วยจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้... กำแพงที่สูงตระหง่านแค่ไหน ก็เป็นเพียงเส้นขีดที่รอวันให้เราก้าวข้าม

นีล อาร์มสตรอง เคยฝากฝรอยเท้าไว้บนดวงจันทร์ , ขณะที่  เอเลียด คิปโชเก ได้ฝากตัวเลข 1:59:40 ไว้ในหัวใจคนทั้งโลก เพื่อเตือนใจเราเสมอว่า "No Human is Limited"

ทุกความฝันเป็นจริงได้เสมอ! 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

related