svasdssvasds

วิเคราะห์ภาพยนตร์ Thermostat 6 เมื่อคนต่างวัยมองเรื่องสิ่งแวดล้อมต่างกัน

วิเคราะห์ภาพยนตร์ Thermostat 6 เมื่อคนต่างวัยมองเรื่องสิ่งแวดล้อมต่างกัน

ชวนดูภาพยนตร์แอนิเมชันจากฝรั่งเศส Thermostat 6 ปี 2018 เมื่อคนต่างวัยมองปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างกัน พร้อมวิเคราะห์ความหมายแต่ละฉากและการกระทำของตัวละครอย่างละเอียด

สปริงนิวส์ชวนดูภาพยนตร์แอนิเมชันจากประเทศฝรั่งเศส Thermostat 6 โดย Gobelins ที่ฉายเมื่อปี 2018 ได้รับการรีวิวจาก IMDb 7.3/10 คะแนน ภาพยนตร์สั้นแนวเสียดสีสังคมผ่านสัญญะตัวละครและการกระทำ

เรื่อง Thermostat 6 ว่าด้วยเรื่องของปัญหาความต่างระหว่างวัยและผูกโยงเกี่ยวกับความหมายแฝงในเรื่องสิ่งแวดล้อมที่คนแต่ละรุ่นมองปัญหาสิ่งแวดล้อมแตกต่างกัน คำเตือน**บทความนี้มีเนื้อหาสปอยล์เต็มเรื่องนะ

ในวิวัฒนาการของมนุษย์ เมื่อเติบโตมาถึงจุดหนึ่ง จึงมีการแบ่งแยกรุ่น หรือ Generations หลายคนมักคุ้นชิน โดยเฉพาะประเทศไทยในปัจจุบัน ที่เราเรียกคนที่มีอายุ 71 ปีขึ้นไป (ต่ำกว่าปี พ.ศ .2489) ว่าเป็น Builders อายุ 52-70 ปี (พ.ศ. 2489 - 2507) เป็นคนยุค Babyboomers คนอายุ 37-51 ปี (พ.ศ. 2508-2519) เป็นกลุ่มคนเจน x กลุ่มคนอายุ 22-50 ปี (พ.ศ.2520-2537) เป็นคนเจน Y กลุ่มคนอายุ 7-21 (พ.ศ.2538-2552) เป็นคนเจน Z และเด็กรุ่นอายุต่ำกว่า 7 ปี (พ.ศ.2553-2567) เป็นรุ่น Alpha

ในภาพยนตร์ได้สื่อให้เห็นถึงความสนใจของคนแต่ละยุค ผ่านตัวละคร 5 คนที่เป็นตัวแทนของคนแต่ละรุ่น ประกอบไปด้วยคุณตา ตัวแทนของคนยุค Babyboomers พ่อและแม่ เป็นกลุ่มคนเจน x เด็กสาวเป็นตัวแทนของกลุ่มคนเจน Z และลูกชายคนเล็ก ที่เป็นตัวแทนของเด็กรุ่น Alpha

นอกจากนี้นัยของตัวละครยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่แสดงผ่านการกระทำของตัวละคร แต่ก่อนที่จะไปดูเฉลยของเรื่องราวทั้งหมด ลองมารับชมตัวภาพยนตร์ก่อนว่า ในบ้านหลังนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง สังเกตเห็นสัญญะแบบไหน โดยที่ยังไม่ได้อ่านสปอยล์

*แนะนำให้เปิดซับไตเติลเป็นภาษาอังกฤษระหว่างรับชม

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

จากเรื่องราวทั้งหมดจะเห็นได้ว่า ครอบครัวหนึ่งที่ประกอบไปด้วย คุณตา พ่อ แม่ ลูกสาวและลูกชาย ซึ่งตัวละครเหล่านี้เป็นตัวแทนของคนแต่ละรุ่น มีหนึ่งในคอมเมนต์ที่แสดงความคิดเห็นไว้น่าสนใจว่า บ้าน หมายถึง โลก, แม่ หมายถึง บริโภคนิยม, พ่อหมายถึง ผู้บริโภค, เด็กชาย หมายถึง กลุ่มคนในอนาคต และเด็กสาว คือ นักเรียกร้องหรือนักเคลื่อนไหว ***ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์ความหมายของเรื่องราวทั้งหมดและสปอยล์เต็มเรื่อง ถ้าดูและเข้าใจทั้งหมดไม่จำเป็นต้องอ่านความหมายด้านล่างก็ได้นะ

เหตุการณ์

เรื่องราวดำเนินไปท่ามกลางความเบื่อหน่ายของหญิงสาว ที่งงกับพ่อแม่และคุณตาว่า ทำไมไม่มีใครสนใจท่อน้ำที่ทำน้ำหยดลงกลางโต๊ะเลย ในช่วงแรกบทสนทนาเริ่มต้นด้วยผู้เป็นพ่อบ่นว่า ช่วงนี้อากาศร้อนมาก คุณตาก็บอกว่า ช่วงนี้ฤดูกาลก็แปรปรวนไปหมดแบบนี้แหละ นอกจากนี้ผู้เป็นพ่อยังบ่นถึงวอลเปเปอร์ติดผนังบ้านที่มันเริ่มล้าสมัยแล้ว เปลี่ยนดีไหม และคุณตาก็พูดขึ้นมาว่า บอกสามีของเธอด้วยว่า ‘อย่าแตะต้องของในบ้านของฉัน’

วิเคราะห์ภาพยนตร์ Thermostat 6 เมื่อคนต่างวัยมองเรื่องสิ่งแวดล้อมต่างกัน ความหมาย

ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า คุณตาเป็นคนขี้หวงและชอบให้สิ่งที่ตัวเองทำมาคงอยู่ตลอดไปอย่างภาคภูมิใจและไม่ว่าอากาศข้างนอกจะเปลี่ยนไปอย่างไร ก็ยังเชื่อว่า มันก็แค่ช่วงนี้แหละ เดี๋ยวก็ดีขึ้น

เหตุการณ์

เด็กชายร้องขอพ่อว่า ขอออกไปข้างนอกได้ไหม คุณตาบอกว่า อย่างแรกเลย แกต้องกินให้เยอะ ๆ ให้ตัวโต ๆ และจะได้แข็งแรงเหมือนพ่อ ในระหว่างนั้น หยดน้ำก็หยดลงในถังกลางโต๊ะอาหารเรื่อย ๆ จนเด็กสาวอดไม่ได้พูดขึ้นมาว่า น้ำรั่วตรงนี้ไม่สนใจกันเหรอ คุณตาก็พูดขึ้นมาว่า ก็แค่ 3 หยด ไม่ถึงกับรั่วหรอกน่า! ผู้เป็นพ่อก็ตอบปลอบว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ซ่อมให้ แม่มาถึงก็บอกว่า กินกันก่อนเถอะ และนำอาหารเข้ามาเพิ่ม เด็กชายตัวน้อยก็ยังคงถามว่า เมื่อไหร่ผมจะได้ออกไปเล่น

วิเคราะห์ภาพยนตร์ Thermostat 6 เมื่อคนต่างวัยมองเรื่องสิ่งแวดล้อมต่างกัน ความหมาย

ในช่วงนี้แสดงให้เห็นว่า เด็กสาวมองเห็นปัญหาแล้วและทักถามกับคุณตาไปว่า น้ำรั่วตรงนี้ไม่ซ่อมหรือ เสมือนกับว่าปัญหามันก็หยดลงมาเรื่อย ๆ นะ จะไม่แก้ไขเหรอ คุณตาบอกว่าแค่ 3 หยดมันไม่ถึงขนาดนั้นหรอกก็เปรียบเสมือนว่า ปัญหาแค่ไม่กี่อย่างเอง และผู้เป็นพ่อที่ผลัดวันประกันพรุ่งว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้แก้ให้

 

เหตุการณ์

จนในที่สุดเด็กสาวทนไม่ไหว ลุกขึ้นและบอกว่า ฉันไม่อยากมีจุดจบแย่ๆในบ้านรั่ว ๆ แบบนี้และก็ปีนขึ้นไปซ่อมท่อน้ำบนโต๊ะอาหาร จนแม่ต้องร้องทักว่า เธอจะทำอะไร จะทำลายมื้ออาหารนี้เหรอ คุณตาก็พูดขึ้นว่า ทำไมเธอทำนิสัยอย่างนั้น แม่ก็ตอบว่ามันก็เป็นอารมณ์ของวัยรุ่นนั่นแหละ

ความหมาย

คำพูดของคุณตาเหมือนติเตียนหญิงสาวว่าเป็นคนใจร้อน มุทะลุ ทำตัวไม่เหมาะสม และผู้เป็นแม่ก็มองว่ามันก็แค่ช่วงวัยว้าวุ่นที่มันก็มีในวัยรุ่นช่วงนี้แหละ โดยที่ไม่ได้คำนึงเลยว่า เด็กแค่อยากแก้ปัญหาข้างหน้านี้เฉย ๆ

วิเคราะห์ภาพยนตร์ Thermostat 6 เมื่อคนต่างวัยมองเรื่องสิ่งแวดล้อมต่างกัน เหตุการณ์

ซ่อมไปซ่อมมาจากหยดน้ำกลายเป็นน้ำรั่วหนักขึ้น จนเด็กสาวถามว่า ใครก็ได้ไปปิดน้ำให้หน่อย แต่ก็ไม่มีใครสนใจ ยังคงพูดคุยกันเรื่องอาหารบนโต๊ะ ผู้เป็นพ่อบอกว่าแจ้งช่างประปาไปแล้ว แต่หญิงสาวก็โต้ว่า แต่นั่นมันเมื่อ 3 อาทิตย์ที่แล้วนะ ยังไม่มาเลย จนเด็กสาวบอกว่า ก็ได้ฉันจะแก้ไขมันเอง

ความหมาย

ปัญหาเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น แม้จะแจ้งช่างประปา ซึ่งคาดว่าหมายถึงรัฐบาลไปแล้ว ก็ยังไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือสักที หรือการทำงานล่าช้านั่นเอง จนเด็กสาวทนไม่ไหวจึงต้องบอกว่าจะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง

เหตุการณ์

คุณตาบ่นขึ้นมาว่า  เด็กสาวพูดแต่ปัญหา ฉันชักจะเหลืออดเหลือทนแล้วนะ ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาและก็พูดเรื่องอาหารเหมือนเดิม เด็กสาวก็ถามว่า หยุดกินก่อนได้ไหม น้ำกำลังจะท่วมบ้านแล้วนะ แต่ก็ยังไม่มีใครสนใจ

ความหมาย

การที่เด็กเอาแต่พูดถึงปัญหาและร้องขอให้แก้ไข กลับกลายเป็นการสร้างความรำคาญใจให้กับผู้ใหญ่ที่มองว่าเรื่องที่เด็กเรียกร้องเหล่านี้เป็นเรื่องเล็ก ๆ และผู้คนยังบริโภคอาหารกันอย่างไม่หยุดหย่อน แม้จะเกิดน้ำท่วมหรืออะไรใด ๆ ก็ยังคงบริโภคต่อไป

สังเกตไหมว่าทำไมแม่ถึงคอยแต่ป้อนอาหารเข้ามา แม้ว่าปัญหาจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนยังคงบริโภคต่อไป แม่ผู้เป็นกลุ่มนายทุนก็พยายามให้ผู้บริโภค บริโภคต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และเชื่อว่ายังมีทรัพยากรอีกมากมายในครัวของเธอหรือก็คือในโรงงานของพวกเขาที่เอามาจากธรรมชาติอีกที

เหตุการณ์

ขณะที่เด็กสาววุ่นกับการซ่อมท่อ ผู้ใหญ่ก็พูดกันว่า ช่างประปาน่าจะทำหน้าที่ของเขานะ พวกเขารู้ว่าควรทำอย่างไร พ่อก็บอกว่า เราก็ต้องเชื่อผู้เชี่ยวชาญแหละน่า หญิงสาวเริ่มบ่นขึ้นมาว่า ดูที่ท่อพวกนี้สิ พวกมันเก่าแค่ไหนแล้วนะ และพ่อก็พูดขึ้นว่า รู้ไหมว่าค่าเปลี่ยนท่อมันเท่าไหร่ และคุณตาก็บ่นอุบกับเด็กสาวว่า หยุดพูดเกินจริงสักที

วิเคราะห์ภาพยนตร์ Thermostat 6 เมื่อคนต่างวัยมองเรื่องสิ่งแวดล้อมต่างกัน ความหมาย

แม้พวกเขาจะรู้ว่านี่เป็นหน้าที่ของช่างประปา (รัฐบาล) แต่สุดท้ายก็พึ่งพาไม่ได้ หวังลมๆแล้งๆว่าพวกเขานั้นเชี่ยวชาญและจะมาแก้ไขให้ เด็กสาวบ่นถึงความเก่าของท่อ ก็เหมือนกับปัญหาเหล่านี้มันมีมานานแล้ว มันไม่เคยได้รับการแก้ไข และมันถูกปล่อยทิ้งไว้แบบนี้มานาน การจะเปลี่ยนแปลงนั้นมีราคาเสมอ และอาจแพงมากกว่าการบริโภคที่เรากำลังถลุงกันอยู่ทุกวัน และผู้ใหญ่ชอบมองว่านักเคลื่อนไหวรุ่นใหม่ ตื่นตูมกันไปเอง ชอบทำให้เกิดการตระหนกเล่น ๆ

เหตุการณ์

น้ำยังคงท่วมสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังพูดกันว่า เดี๋ยวมันก็ได้ผลเอง ไม่มีความเคารพผู้ใหญ่กันเลย และแม่ก็ยังคงป้อนอาหารเข้ามาในห้องเรื่อย ๆ แม้ว่าจะไม่มีต๊ะอาหารให้วางแล้ว เด็กชายก็ลอยตามน้ำไปมา ในขณะที่หญิงสาวก็พยายามแก้ปัญหาตรงหน้า

ความหมาย

แม้ว่าน้ำจะยังคงท่วมสูงแบบนี้แล้ว ผู้ใหญ่ยังคงมองว่า เดี๋ยวปัญหามันก็ถูกคลี่คลายไปเอง ระบบทุนนิยมก็ยังคงป้อนการบริโภคสู่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเด็กรุ่นใหม่ในอนาคตแทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้ว เพราะปัญหามันมากเกินกว่าที่พวกเขาจะพยุงตัวได้

เหตุการณ์

ทุกคนหนีขึ้นไปข้างบน หญิงสาวมองไปรอบๆอย่างสิ้นหวังและพูดขึ้นว่า ฉันกำลังทำอะไรอยู่นะ คุณตาเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือพิมพ์ที่เขียนว่า ‘ทุกอย่างจะดีขึ้น’ เขาเงยหน้ามองหลานสาวที่น้ำตาไหลนองอย่างรู้สึกผิด และเหตุการณ์ก็ตัดไปที่ทุกคนแอบอยู่ในห้องใต้หลังคา หญิงสาวยังคงหาทางออกและต้องการอากาศหายใจด้วยการเปิดหน้าต่าง แต่พอเปิดออกไปกลับพบว่า ทั่วทุกทิศด้านนอกนั้น น้ำท่วมหมดแล้ว

วิเคราะห์ภาพยนตร์ Thermostat 6 เมื่อคนต่างวัยมองเรื่องสิ่งแวดล้อมต่างกัน วิเคราะห์ภาพยนตร์ Thermostat 6 เมื่อคนต่างวัยมองเรื่องสิ่งแวดล้อมต่างกัน ความหมาย

เมื่อมันเกินจะเยียวยา ความรู้สึกที่ว่าฉันทำอะไรอยู่ มันแก้ไขไม่ได้ และมันก็ไม่ดีขึ้น จนกลายเป็นความท้อแท้ในตัวของหญิงสาว คุณตาผู้เป็นคนรุ่นเก่า กว่าจะเงยหน้ามาจากสิ่งที่ตัวเองเสพ ตัวเองเชื่ออยู่ทุกวันจากข่าวสารด้านเดียว (One-way Communication) กว่าจะรู้ตัวว่าคนรุ่นหลานต้องประสบกับปัญหาอะไรบ้าง ก็สายไปแล้ว และตัวเองก็แก่เกินกว่าจะช่วยเหลือพวกเขาได้ สุดท้ายเด็กรุ่นใหม่ที่เป็นนักเคลื่อนไหวก็เห็นโลกที่เต็มไปด้วยปัญหา แก้ไขไม่ได้ และเด็กรุ่นอนาคตก็แทบจะไม่ได้ออกมาข้างนอกได้อีกเลย

คุณล่ะ วิเคราะห์ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาแบบไหนบ้าง? คิดเหมือนหรือคิดต่าง?

related