svasdssvasds

Casino - ไม่ใช่หนังเล่นเกมการพนัน แต่มันคือเกมแห่งอำนาจลาสเวกัส

Casino  - ไม่ใช่หนังเล่นเกมการพนัน แต่มันคือเกมแห่งอำนาจลาสเวกัส

ชวนดู ภาพยนตร์ Casino (1995) ที่เล่าถึง เบื้องหลังความหรูหรา คือเกมแห่งอำนาจลาสเวกัส ความรัก และความพังทลาย ผลงานมาสเตอร์พีซจาก มาร์ติน สกอร์เซซี่

ภาพยนตร์ Casino (1995) : เบื้องหลังความหรูหรา คือเกมของอำนาจ ความรัก และความพังทลาย

"No one stays at the top forever."  ไม่มีใคร ไม่มีใครใหญ่ค้ำฟ้า อยู่บนจุดสูงสุดได้ตลอดไป — และลาสเวกัสก็รู้เรื่องนี้ดี

ในยุค 1970s- 1980s  เมืองลาสเวกัสไม่ใช่แค่เมืองกาสิโน  แต่มันคือสนามเด็กเล่นของเหล่าบรรดามาเฟีย สถานที่ที่เงินสดอาบด้วยแสงนีออน กับเบื้องหลังที่มีทั้งความรัก ความรุนแรง และความโลภ 

นี่คือโลกในภาพยนตร์เรื่อง Casino (1995) หรือชื่อไทยคือ "ร้อนรัก หักเหลี่ยมคาสิโน"  ผลงานมาสเตอร์พีซจาก มาร์ติน สกอร์เซซี ผู้กำกับเบอร์ใหญ่แห่งวงการฮอลลิวู้ด ที่สร้างจากหนังสือ Casino: Love and Honor in Las Vegas ของ  Nicholas Pileggi นักข่าวอาชญากรรม  ซึ่งตีแผ่ลึกถึงยุครุ่งเรืองขององค์กรใต้ดินในเมืองคนบาป และอาจจะเหมาะสมกับบริบทในประเทศไทย ตอนนี้ ที่ประเด็น "กาสิโน" เป็นที่ถกเถียงกันทุกหัวมุมเมืองในประเทศ 

เมื่อ 30 ปีที่แล้ว - เมืองลาสเวกัสเป็นหัวข้อที่มาร์ติน สกอร์เซซี พูดถึง และเขาแสดงให้เห็นว่าเมืองนี้ทำให้คนอย่าง Ace, Ginger และ Nicky ตัวละครหลักของเรื่อง เจริญรุ่งเรืองได้อย่างไร จากนั้นก็ทิ้งพวกเขาไป เพราะเครื่องจักรในเวกัสทำกำไรและทรงพลังเกินกว่าที่จะปล่อยให้ใครมาชะลอการดำเนินงานได้ 

ทำไมเรื่องนี้ถึง “ใหญ่” กว่าแค่หนังแก๊งสเตอร์ 

ความน่าสนใจของ หนัง Casino (1995) หรือเมื่อ 30 ปีที่แล้ว มีอยู่หลายประเด็น 

• งบประมาณแค่ชุดเสื้อผ้าก็ปาไปกว่า 1 ล้านดอลลาร์ เดอนีโรมีชุดเปลี่ยนกว่า 70 ชุด ส่วนชารอน สโตน จัดเต็ม 40 ชุด
• ฉากสนทนาเดือด ๆ ของโรเบิร์ต เดอนีโร กับโจ เพสซิ ไม่มีสคริปต์ พวกเขา “อิมโพรไวส์” หรือด้นสด ตามจังหวะและพลังของตัวละครจริง ๆ  
• ตัวประกอบกว่า 7,000 คน ทำให้ลาสเวกัสในจอมีชีวิตจริงพอ ๆ กับบนถนน
• คำว่า “F***” F World ปรากฏในหนังมากถึง 435 ครั้ง — เฉลี่ย 2.4 ครั้งต่อนาที!

Casino - ไม่ใช่หนังเล่นเกมการพนัน แต่มันคือเกมแห่งอำนาจลาสเวกัส

 ไม่ใช่หนังเล่นเกมการพนัน...แต่มันคือเกมแห่งอำนาจ

แซม “เอซ” รอธสไตน์ Sam "Ace" Rothstein (รับบทโดย โรเบิร์ต เดอ นีโร) ไม่ใช่เจ้าพ่อ แต่เป็นคนที่ "ระบบ" เลือกมาให้ควบคุมกาสิโน เขาไม่ใช่นักเลง แต่มีสมองที่ทำเงินให้กลุ่มมาเฟียอย่างมหาศาล — แล้วปัญหาคืออะไร?

คำตอบคือ “ความรัก” และ “เพื่อน” 

เขาตกหลุมรัก จินเจอร์ (ชารอน สโตน) นักพนันสาวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และปัญหา ขณะที่ นิคกี้ (โจ เพสซิ) เพื่อนซี้จอมบ้าระห่ำ กลับกลายเป็นระเบิดเวลาที่คอยป่วนจนทุกอย่างเริ่มพัง และทุกอย่างเกิดขึ้นโดยมีฉากหลังเป็นความเข้มข้นของการแย่งชิงอำนาจเป็นใหญ่ในกาสิโน 

Casino - ไม่ใช่หนังเล่นเกมการพนัน แต่มันคือเกมแห่งอำนาจลาสเวกัส
 

หนังเรื่องนี้ มาร์ติน สกอร์เซซี ร่วมเขียนบทกับนิโคลัส พิเลกกี นานถึง 5 เดือน แต่ปล่อยให้นักแสดง “หลุดกรอบ” เพื่อให้ได้ความดิบ ความจริง ความเจ็บปวด ทุกซีนคือละครชีวิตที่ไม่มีการเทคสอง

แม้หนังจะไม่ใช่บล็อกบัสเตอร์ทำเงินถล่มทลาย (รายได้รวม 116 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 40 ล้านเหรียญ) แต่ Casino คือพิมพ์เขียวของ “หนังอาชญากรรมแบบคลาสสิก” ที่เปิดโปงวงในของธุรกิจกาสิโนแบบหมดเปลือก ตั้งแต่การรับจ้างควบคุมผลกำไร ไปจนถึงการเก็บส่วนแบ่งสกปรกส่งกลับชิคาโก

นักแสดงที่ไม่ใช่แค่ “เล่นดี” แต่ “อยู่จริง”

  • เดอ นีโร เป็นนักวางกลยุทธ์เลือดเย็น
  • เพสซิ คือพลังทำลายล้างที่ห้ามประมาท
  • สโตน แสดงได้ถึงขั้นชิงออสการ์ในบทผู้หญิงที่ทั้งรักและทำลายสามีในเวลาเดียวกัน
     

แม้ หนังจะมีอายุ 30 ปีแล้ว และเด็กวัยรุ่น Gen Z เด็ก Gen Alpha จะเกิดไม่ทันความคลาสสิกของหนังเรื่องนี้ แต่ด้วยความ "ดีงาม" ของหนัง เชื่อว่า นี่คือหนังอีกเรื่องหนึ่ง ที่คนรุ่นใหม่ควรดู และศึกษาศิลปะในตัวหนัง ศิลปะการเล่าเรื่อง 

ตัวหนัง Casino มันมีทั้งความซับซ้อนทางอารมณ์ แก่นเรื่องมาเฟีย และความพินาศของระบบที่ไม่มีใครคุมได้ในท้ายที่สุด Casino ไม่ใช่แค่หนังอาชญากรรม แต่มันคือคำเตือนว่า “ไม่มีใครอยู่จุดสูงสุดตลอดไป”

ที่มา cinephiliabeyond.org

related