SHORT CUT
ชวนตั้งคำถาม Marvel ภาค Civil War ในวันที่ฮีโร่ถูกบังคับให้เลือกข้าง คุณจะอยู่กับ Iron Man ผู้เชื่อในกฎหมาย หรือ Captain America ผู้เชื่อในเสรีภาพ
หากวันหนึ่ง “ซูเปอร์ฮีโร่” มีอยู่จริง เราจะยอมให้พวกเขาทำสิ่งที่ต้องการโดยไม่มีกฎหมายควบคุมหรือไม่? หรือพวกเขาควรอยู่ภายใต้การตรวจสอบดูแลของรัฐบาล?
นี่คือคำถามที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความแตกแยกครั้งใหญ่ที่สุดในจักรวาล Marvel ภาค Civil War อันโด่งดัง ที่นอกจากจะเป็นการต่อสู้ระหว่าง Iron Man และ Captain America แล้ว ยังเป็นสมรภูมิของ “อุดมการณ์ทางการเมือง” ว่าระหว่าง “อำนาจรัฐ” กับ “เสรีภาพของบุคคล” สิ่งใดกันแน่ที่ถูกต้อง
สำหรับใน Comic ชนวนเหตุของ Civil War เริ่มต้นจากโศกนาฏกรรมที่เมืองสแตมฟอร์ด รัฐคอนเนตทิคัต เมื่อกลุ่มฮีโร่วัยรุ่น New Warriors พยายามจับวายร้าย Nitro กลางรายการถ่ายทอดสด แต่การระเบิดพลังของเขาทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่าร้อยคน รวมถึงเด็กเล็ก
ส่วนเวอร์ชันภาพยนตร์ (Captain America: Civil War) ชนวนเหตุเริ่มจากเหตุการณ์ในเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย เมื่อทีม Avengers นำโดย Captain America พยายามหยุดกลุ่มก่อการร้าย แต่ Scarlet Witch ทำผิดพลาด ทำให้ระเบิดคร่าชีวิตพลเรือนหลายคน เหตุการณ์นี้กลายเป็นประเด็นใหญ่ระดับโลก
แม้ใน Comic กับภาพยนตร์จะเล่าต่างกัน แต่เหตุการณ์ทั้งสองนำมาสู่บทสรุปเดียวกัน นั่นคือสังคมเริ่มตั้งคำถามว่า ทำไมรัฐถึงปล่อยให้ฮีโร่ทำอะไรตามใจชอบจนเกิดความเสียหายต่อพลเรือนได้ และ “ใครจะรับผิดชอบเมื่อพลังถูกใช้ผิดทาง?”
เพื่อรับผิดชอบเหตุการณ์นั้น รัฐบาลสหรัฐฯ จึงออกกฎหมาย Superhuman Registration Act บังคับให้ฮีโร่ทุกคนลงทะเบียนและทำงานภายใต้การตรวจสอบของรัฐ เพื่อความโปร่งใสและความปลอดภัยของสาธารณะ
แต่กฎหมายฉบับนี้กลับกลายเป็นชนวนให้เหล่าฮีโร่แตกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งนำโดย Iron Man ที่เชื่อว่า “พลังอันยิ่งใหญ่ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ” และการอยู่ใต้การควบคุมของรัฐคือหนทางป้องกันหายนะ ในขณะที่อีกฝ่ายนำโดย Captain America ยืนหยัดว่าฮีโร่หรือใครก็ตามไม่ควรถูกสั่งการโดยรัฐบาล เพราะเสรีภาพคือสิ่งที่หล่อหลอมความเป็นฮีโร่ที่แท้จริง ความเห็นต่างนี้จึงปะทุขึ้นเป็น “สงครามกลางเมืองของเหล่าฮีโร่” ที่เปลี่ยนมิตรภาพให้กลายเป็นการต่อสู้ทางอุดมการณ์
พล็อตในโลกไซไฟแฟนตาซีนี้ คล้ายภาพสะท้อนของการเมืองอเมริกันหลัง 9/11 เมื่อรัฐขยายอำนาจ ออกกฎหมายอย่าง Patriot Act เพื่อเพิ่มอำนาจการเฝ้าระวังและควบคุมพลเมือง ภายใต้เหตุผลเรื่องความมั่นคงของชาติ แม้จะมีเจตนาดี แต่ก็สร้างความกังวลว่ารัฐอาจใช้อำนาจเกินขอบเขตจนละเมิดสิทธิพลเรือน เพราะให้อำนาจรัฐ “สอดแนมประชาชน” ได้ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น อนุญาตให้ FBI และหน่วยงานความมั่นคงอื่น ๆ สามารถดักฟังโทรศัพท์ อ่านอีเมล เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว หรือประวัติต่าง ๆ ของประชาชนได้โดยไม่ต้องขออนุญาต
เมื่อมองดูฮีโร่ผู้นำทั้งสองฝ่าย Iron Man ดูเหมือนมหาเศรษฐีเสรีนิยมสายกลาง ที่เชื่อในพลังของ “ระบบ” และ “กฎระเบียบ” เพื่อควบคุมสิ่งที่อาจเกินขอบเขตของมนุษย์ ขณะที่ Captain America คือเสรีนิยมตัวจริง ผู้ศรัทธาในอิสระของตัวเองเหนืออำนาจรัฐ และไม่ยอมให้ใคร แม้แต่รัฐบาล เข้ามายุ่งกับการตัดสินใจของเขาเอง
หากคุณเป็นคนที่เชื่อในความรับผิดชอบต่อส่วนรวม การอยู่ข้าง Iron Man ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด เพราะในโลกที่มียอดมนุษย์มากมาย ผู้ซึ่งสามารถปล่อยพลังทำลายล้างหรือระเบิดตัวเองได้ในพริบตา คงไม่อาจปล่อยให้พวกเขาทำสิ่งใดตามอำเภอใจโดยไม่มีกรอบควบคุม ยิ่งเมื่อบางคนยังคึกคะนอง ขาดวุฒิภาวะ หรือไม่เข้าใจผลลัพธ์ของพลังที่ตนใช้ ความเสียหายย่อมตกอยู่กับผู้บริสุทธิ์ การให้รัฐเข้ามากำกับดูแลจึงไม่ใช่การจำกัดเสรีภาพของฮีโร่ แต่คือการสร้างระบบความปลอดภัยและความรับผิดชอบร่วมกัน
ในทางกลับกัน หากคุณเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับ “เสรีภาพ” มากกว่าการอยู่ภายใต้ระบบการควบคุม การเลือกยืนอยู่ข้าง Captain America ก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง เพราะเขาคือเสียงของผู้ไม่ต้องการให้รัฐบาลมีอำนาจเหนือความถูกต้องของมโนธรรมส่วนบุคคล เขาเชื่อว่าฮีโร่ไม่ควรต้องรอคำสั่งจากผู้มีอำนาจเพื่อจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง
ยิ่งไปกว่านั้น หากฮีโร่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ พวกเขาอาจไม่ต่างอะไรจาก “เครื่องมือของอำนาจ” ที่รัฐบาลสามารถหยิบมาใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเพื่อสร้างภาพลักษณ์ ปกปิดความผิดพลาด หรือแม้แต่ใช้เป็นข้ออ้างในการแทรกแซงประเทศอื่น ภายใต้ชื่อของ “ความยุติธรรม” ฮีโร่อาจถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ขัดกับหลักศีลธรรมของตนเอง โดยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ นั่นคือความน่ากลัวของอำนาจรัฐ
Civil War จึงไม่ใช่เพียงการเลือกข้างระหว่างฮีโร่สองคน หากแต่เป็นการเชื้อเชิญให้ผู้อ่าน “เลือกอุดมการณ์” ที่ตนเองเชื่อ ระหว่างอำนาจรัฐกับเสรีภาพของปัจเจก ซึ่งอาจไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดอย่างแท้จริง ความคลุมเครือทางศีลธรรมนี้เองทำให้เหตุการณ์ Civil War แตกต่างจากอีเวนต์ซูเปอร์ฮีโร่ทั่วไป เป็นเหตุผลที่เรื่องราวนี้ยังคงทรงพลังและถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่วันที่มันถูกตีพิมพ์ครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน.