SHORT CUT
Ghibli อาจสร้างแอนิเมชันจากบทกวีสยองขวัญ “The Raven” ของ เอ็ดการ์ อัลลัน โพ โปรเจกต์ใหม่ที่อาจมืดมนที่สุดของสตูดิโอ
หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง The Boy and the Heron คว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมประจำปี 2023 แฟน ๆ ทั่วโลกต่างจับตารอผลงานชิ้นถัดไปจากฮายาโอะ มิยาซากิอย่างใจจดใจจ่อ ทว่าล่าสุด โปรดิวเซอร์ของสตูดิโอจิบลิได้ออกมาเปิดเผยแนวคิดสำหรับภาพยนตร์เรื่องใหม่ ซึ่งอาจทำให้แฟน ๆ ต้องประหลาดใจไม่น้อย
แม้ว่ามิยาซากิจะยังคงปฏิเสธการเกษียณตัวเอง และเริ่มต้นพัฒนาโปรเจกต์ใหม่แล้ว แต่โทชิโอะ ซูซูกิ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอจิบลิ เปิดเผยว่า ภาพยนตร์เรื่องถัดไปของจิบลิอาจไม่ใช่ผลงานที่กำกับโดยมิยาซากิโดยตรง พร้อมทั้งบอกใบ้ถึงโปรเจกต์ที่ท้าทายไม่ธรรมดา ซึ่งอาจกลายเป็นภาพยนตร์ที่ “มืดหม่น” ที่สุดของจิบลิเลยก็เป็นได้
ตามรายงานจาก ในงานอีเวนต์ความร่วมมือระหว่าง Studio Ghibli และแบรนด์ Uniqlo ที่จัดขึ้น ณ Le Grand Rex กรุงปารีส เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2025 โทชิโอะ ซูซูกิ และไมเคิล ดูด็อก เดอ วิต ผู้กำกับภาพยนตร์ The Red Turtle ที่จิบลิร่วมผลิต ได้พูดคุยถึงแนวคิดในการสร้างภาพยนตร์ใหม่ โดยซูซูกิได้เสนอไอเดียที่น่าตื่นเต้นให้กับเดอ วิต
“ช่วงนี้ผมสนใจบทกวี The Raven ของเอ็ดการ์ อัลลัน โพ คิดดูสิว่ามันจะน่าสนใจแค่ไหน ถ้าเราทำให้มันเป็นภาพยนตร์แอนิเมชัน” โทชิโอะ ซูซูกิ
เดอ วิตตอบรับแนวคิดนี้อย่างเป็นบวก และเชิญซูซูกิไปพูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติมในภายหลัง บทกวี The Raven เป็นเรื่องราวของชายผู้โศกเศร้าจากการสูญเสียคนรักชื่อ “ลีโอโนรา” และพบกับอีกาตัวหนึ่งที่สามารถพูดได้ เนื้อหาของบทกวีสะท้อนความเศร้า ความสิ้นหวัง และสภาพจิตใจที่ถูกกลืนกินด้วยความเจ็บปวด ซึ่งถือเป็นความท้าทายใหญ่หากจะนำเสนอในสไตล์แอนิเมชันแบบจิบลิ
แม้ว่าผลงานนี้จะเคยถูกนำไปดัดแปลงในภาพยนตร์มาแล้ว เช่น The Raven (1963) ของโรเจอร์ คอร์แมน และ The Raven (2012) ของเจมส์ แม็คทีก แต่หากจิบลิหยิบเรื่องนี้มานำเสนอในมุมมองใหม่ ก็อาจกลายเป็นหนึ่งในผลงานที่ทรงพลังที่สุดของสตูดิโอ
แม้ว่ามิยาซากิกำลังมุ่งมั่นกับภาพยนตร์เรื่องใหม่ของตัวเอง ซึ่งใช้เวลาพัฒนา The Boy and the Heron นานถึง 7 ปี ทำให้เขาอาจไม่สามารถมีบทบาทหลักในโปรเจกต์ร่วมได้ แต่โทชิโอะ ซูซูกิได้เล่าว่า มิยาซากิรู้สึกประทับใจผลงานของเดอ วิต หลังจากชม The Red Turtle และเคยแสดงความตั้งใจที่จะร่วมงานกับทีมงานชุดนี้
ด้วยความสามารถของมิยาซากิในการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์และอารมณ์ เช่นเดียวกับใน Spirited Away หากเขาเข้ามามีส่วนร่วมใน The Raven ก็อาจช่วยเติมเต็มมิติทางอารมณ์ให้กับภาพยนตร์ได้อย่างลึกซึ้ง ขณะเดียวกัน เดอ วิตเองก็มีฝีมือด้านการสื่อสารความเหงาและความโดดเดี่ยวผ่านภาพยนตร์ จนเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้ว
แม้ยังไม่มีการประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านของจิบลิ การดัดแปลง The Raven ก็อาจกลายเป็นบทใหม่ที่ยิ่งใหญ่และน่าจดจำในประวัติศาสตร์ของสตูดิโอแอนิเมชันระดับตำนานแห่งนี้
ที่มา : screenrant
ข่าวที่เกี่ยวข้อง