ครบรอบ 15 ปีของ "สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก" หนังไทยที่ไม่ได้มีดีแค่ความรักใส ๆ ในวัยเรียน แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญของการ Self-love และการเติบโต
ภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้ขึ้นหิ้งของไทย ที่ครั้งหนึ่ง...ทำให้เราลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง และทุกครั้งที่ได้ดู เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนหวนสู่วัยเยาว์ที่หอมหวานและสุดแสนจะคิดถึง...
“พี่โชนคะ น้ำมีเรื่องจะบอกพี่โชน คือน้ำชอบพี่โชนมาก ชอบมา 3 ปีแล้ว น้ำทำทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างก็เพื่อพี่ น้ำไปคัดเลือกนางรำ เล่นละครเวที ไปเป็นดรัมเมเยอร์ เรียนหนังสือให้เก่งก็เพื่อพี่ แต่ตอนนี้น้ำรู้แล้วว่าสิ่งที่น้ำควรทำมากที่สุด และน่าจะทำมาตั้งนานแล้ว คือบอกกับพี่โชนตรง ๆ ว่า น้ำชอบพี่โชน”
ประโยคสารภาพรักเมื่อครู่ น่าจะเป็นหนึ่งในท่อนที่เราท่องจำกันได้ขึ้นใจ เพราะมาจากภาพยนตร์เรื่องสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก ที่ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2553 และได้รับเสียงตอบรับดีอย่างล้นหลาม วันนี้...สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก มีอายุครบ 15 ขวบปีแล้ว และพวกเรา...ก็โตขึ้นจากตอนหนังฉาย 15 ปีเช่นกัน
แม้วันเวลาจะล่วงผ่านมา 15 ปี ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังถูกพูดถึงอยู่เสมอ เพราะทุกครั้งที่เผลอกดเปิดดู หัวใจเจ้ากรรมก็มักจะแว๊บไปคิดถึง ‘รุ่นพี่’ หรือ ‘ไอเจ้ารักแรก’ อยู่เสมอ อีกนัยหนึ่ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เก็บวันเก่า ๆ และความทรงจำอันหอมหวานในวัยเยาว์เอาไว้ด้วย
บทความชิ้นนี้จะไม่ได้ย้อนกลับไปพูดถึงเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ทั้งหมด แต่จะหยิบประเด็น “ความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเก่งขึ้นในทุก ๆ ด้าน” ศัพท์อย่างฝรั่งเรียก Self-improvement แต่ถ้าเป็นยุคนี้เราคงเรียกว่า Self-love
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหา...ขอแวะถามกันตรงนี้ก่อนดีกว่า คุณเคยเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครสักคนไหม?
ในเรื่อง มองเผิน ๆ เราอาจจะมองว่า “น้ำชอบพี่โชนจึงอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้คู่ควร” ซึ่งก็ถูก น้ำคือเด็กมัธยม อาศัยอยู่กับแม่และน้องสาว พ่อทำงานอยู่ต่างประเทศ และคบเพื่อนที่ใครก็มองว่าแก๊งนี้...เห่ย แถมดันไปแอบชอบ “พี่โชน” รุ่นพี่นักเรียนใหม่ ที่เข้ามาเรียนได้ไม่กี่วันก็ถูกร่อนหมายจับไปหลายใบแล้ว เพราะขโมยหัวใจสาว ๆ ไปทั่ว
ทีนี้ ถ้ามาพินิจกันอีกครั้ง เราพูดได้ไหมว่าน้ำเป็นคนที่โหยหาการยอมรับ โหยหาคำยกยอ คำชม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ สังคมมักจะมอบให้กับคนที่โดดเด่นเท่านั้น เช่น เป็นคนเรียนเก่ง เป็นคนสวย เป็นที่รักของคุณครู ซึ่งน้ำและผองเพื่อนไม่มีคุณสมบัติดังที่ว่ามาเลย
โอเค จุดเริ่มต้นอาจจะมาจากการที่น้ำชอบพี่โชน จึงอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สวยขึ้นด้วยการขัดสีฉวีวรรณ ตั้งใจเรียนจนสอบวิชาภาษาอังกฤษได้ที่ 1 (ถ้าได้ที่ 1 พ่อจะส่งตั๋วพาไปเยี่ยมที่ต่างประเทศ) นัยหนึ่งแล้ว น้ำอยากเป็นคนที่พี่โชนเหลียวมอง เธออยากเป็นส่วนหนึ่งของโลกหนุ่มสุดฮ๊อต...
ลองสังเกตดู ทุกครั้งที่พี่โชนชมน้ำไม่ว่าเรื่องใด เช่น “ขาวขึ้นป้ะเนี่ย” เธอจะผายมือแสดงท่าทางขวยเขินและยิ้มออกมา เป็นสัญญาณว่าเป้าหมายที่เธอตั้งไว้ใกล้สำเร็จลุล่วง อย่างน้อยเธอก็อยู่ในสายตาของพี่โชนแล้ว
และเมื่อเธอสวยขึ้น ก็เริ่มถูกจับตามอง ถูกคัดเลือกให้เป็นดัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของโรงเรียน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ถูกจับจ้องจากทั้งโรงเรียน ชุมชน และบุคคลโดยทั่วไป นี่เป็นตำแหน่งที่ทำให้ผู้นั้นมีหน้ามีตา และได้รับการยอมรับ
หลังจากที่เธอสวยขึ้น และมีความมั่นใจในตัวเอง บทบาทก็เปลี่ยนไป จากคนที่โหยหาคำชมหรือความสนใจจากผู้อื่นตลอดเวลา มาวันนี้ ก็มีหนุ่ม (พี่ท็อป-เพื่อนสนิทพี่โชน) มาตามขายขนมจีบ น้ำกลายเป็นคนนั้นเสียเอง คนที่ใครก็มอง คนที่ใครก็แอบชอบ
เผอิญว่าหนึ่งในนั้น ไม่มีคนที่เธอปราถนามาตลอดก็เท่านั้นเอง...(ตามที่เธอเข้าใจไปเอง) จากวันแรกที่เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง จนเป็นที่ยอมรับนับหน้าถือตา ในวันสิ้นสุดการศึกษา เธอจึงตัดสินใจเข้าไปทำสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่า (บอก) รัก
เธอผิดหวัง สายเกินไปแล้ว พี่โชนตกลงคบหากับพี่ปิ่นไปเสียแล้ว...น้ำตาไหลเอ่อมากไปไม่น้อยกว่าเม็ดฝนในฤดูมรสุม ความพยายาม และความอดทนที่สั่งสมมาพังครืน รุ่นพี่ที่เธอแอบชอบในวันนั้น มีเจ้าของแล้ว เธอจะทำอะไรได้อีก...
ถ้าให้เดา...เช้าวันถัดมา น้ำตื่นมามองกระจกเห็นดวงตาบวมตุ่ย กว่าจะมาถึงวันนี้ เธอกลายเป็นเวอร์ชันที่ดีขึ้นจากเมื่อก่อนมากเลยไม่ใช่หรือ เธอสวย เธอเก่ง เธอเป็นที่รักใคร่ เธอมีเพื่อนที่ดี ที่คอยอยู่ข้าง ๆ และเส้นทางชีวิตก็กำลังจะไปได้สวยมิใช่หรือ
ฟังดูเฉิ่มเชยไปสักหน่อย แต่การลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ท้ายที่สุด คนที่จะดื่มด่ำกับผลงานที่สร้างมาก็คือตัวเรานั่นแหละ ! มาถึงคำถามที่ถามไว้...ทำไมทุกครั้งที่ดู ถึงรู้สึกค้างเติ่งในใจ มันหวิวแปลก ๆ คุณก็รู้สึกใช่ไหม
ในตอนจบ น้ำในฐานะดีไซน์เนอร์ ได้เผชิญหน้ากับพี่โชน ที่เป็นช่างภาพมากฝีมืออีกครั้ง หนังไม่ได้บอกว่าทั้ง 2 คนลงเอยกันอย่างไร แต่เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่เชียร์ให้สองคนนี้ลองสู้ดูอีกครั้ง แต่อีกมุมหนึ่ง ถ้าผู้กำกับออกมาเฉลยว่าตอนนั้นน้ำมีแฟนแล้ว และกำลังจะแต่งงานล่ะ? ก็เป็นไปได้ใช่ไหม
การฝากตอนจบไว้เท่านี้ น่าจะบอกถึงธรรมชาติของความรักได้เป็นอย่างดี ที่ ณ วันหนึ่ง “ไอ้รักแรก” อาจกลายเป็นห้วงยามดี ๆ ให้เราเฝ้าคิดถึงแม้ไม่เคยได้บรรจบกันก็ตาม
ไม่เชื่อลองดูสิ ในโลกนี้มีกี่คนกัน...ที่ลงเอยกับรักแรกด้วยความสมหวัง
นี่กระมังที่ ทุกครั้งที่ได้กลับมาดู “สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก” มันถึงรู้สึกเหมือนมีอะไรค้างเติ่งอยู่ในใจ...