
ฉายภาพความเป็นมนุษย์ ในคราบ "จอมโจร"! ตี๋ใหญ่ ฤกษ์ดาวโจร ภาพยนตร์จาก Netflix กับการตีความ "จอมโจร" ในมิติที่แตกต่างไป
ชื่อของ "ตี๋ใหญ่" จอมโจรผู้โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์อาชญากรรมไทย ได้กลับมาโลดแล่นบนหน้าจอทีวี มือถือ หรือ ไอแพดอีกครั้ง และครั้งนี้มาในรูปแบบของซีรีส์ฟอร์มยักษ์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิงระดับโลกอย่าง Netflix กับเรื่อง "ตี๋ใหญ่ ฤกษ์ดาวโจร" ผลงานการกำกับของ อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร
การกลับมาของตำนานครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการเล่าซ้ำ แต่เป็นการตีความใหม่ภายใต้การกำกับของ อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับระดับตำนานที่เคยสร้างประวัติศาสตร์หนังไทยร้อยล้าน การเลือกหยิบเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดมาแล้วหลายเวอร์ชันมาเล่าใหม่ ย่อมเป็นคำถามที่หลายคนสงสัยว่า อะไรคือความแตกต่าง และทำไมต้องเป็นตอนนี้?
ย้อนกลับไปในสังคมไทย ตี๋ใหญ่ถูกนำเสนอผ่านสื่อหลากหลายรูปแบบมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 โดยมีนักแสดงชั้นนำสวมบทบาท อาทิ ฉัตรชัย เปล่งพานิช, ศรราม เทพพิทักษ์, แบงค์ ปวริศร์, โตโน่ ภาคิน, เต๋า สมชาย, และ น้ำ รพีภัทร (โดยตัวเรื่องราวจริงๆของ บุคคลที่เป็นตี๋ใหญ่นั้น พีคๆ ในการปล้น อยู่ในช่วงยุค 1970s-1980s)
ในภาพจำของสาธารณะ ตี๋ใหญ่คือ จอมโจรผู้ลึกลับ มีปริศนาดำมืด มักถูกเชื่อมโยงกับเรื่องราวของ เวทมนตร์ คาถา และความขมังเวทย์ ที่ทำให้เขาหลุดรอดจากการจับกุมได้อย่างปาฏิหาริย์ ดังเช่นเรื่องเล่าที่ว่าเขาใช้ก้านมะละกอเสกหายตัวไป
แต่สำหรับ อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ครั้งนี้เริ่มต้นจากความทรงจำส่วนตัวในวัย 15 ปี เมื่อครั้งที่เขาอยู่ในเหตุการณ์ล้อมจับตี๋ใหญ่ในย่านนนทบุรีราวปี 2520-2521 ความทรงจำนั้นนำไปสู่การตีความที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
"ผมเชื่อว่ามีคนใกล้ตัวหรือเพื่อนคู่ใจที่คอยช่วยเหลือ เป็นเบื้องหลังและร่วมฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เพราะผมเชื่อว่าโจรใหญ่อย่างตี๋ใหญ่ไม่ได้เดินบนเส้นทางนี้เพียงลำพัง นี่คือมุมมองใหม่ที่ผมอยากให้ผู้ชมได้สัมผัส"
ในปมประเด็นนี้ ก็ถือเป็นแรงบันดาลใจ คล้ายๆกับ หนังเรื่องก่อนหน้านี้ ที่ อุ๋ย-นนทรีย์ ร่วมโปรเจ็คกับเน็ตฟลิกซ์ ทำเรื่อง "มนต์รักนักพากย์" ปี 2566 เชิดชูคนทำหนังไทยยุคหนังพากย์ หนังกลางแปลง เพราะในวัยเด็ก เขารู้สึกผูกพันกับ "มิตร ชัยบัญชา" และถือเป็นการเขียน จดหมายรักถึงภาพยนตร์ไทย
ผู้กำกับดังตั้งใจที่จะเจาะลึกไปที่ "ความเป็นมนุษย์" ของตัวละครนี้ เพื่อตอบคำถามว่าอะไรคือปัจจัยที่ผลักดันให้ชายคนหนึ่งกลายเป็นโจรอันดับ 1 ของประเทศ ? การตีความใหม่นี้จึงไม่ได้เน้นไปที่อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ แต่หันมาโฟกัสที่ "มิตรภาพ" และ "คนใกล้ตัว" ที่อยู่เบื้องหลังตำนาน
"ไอ้ที่แคล้วคลาด ไม่ใช่เพราะดวงแข็ง แต่เป็นเพราะเพื่อน"
ในเวอร์ชัน "ตี๋ใหญ่ ฤกษ์ดาวโจร" (2568) ที่ได้ อาโป ณัฐวิญญ์ มารับบท "ตี๋" จอมโจรผู้ใช้ชีวิตสุดขั้วเสมือนไม่มีวันพรุ่งนี้ สิ่งที่โดดเด่นและเป็นความต่างอย่างชัดเจนคือการเน้นย้ำความสัมพันธ์แบบ "คู่หู" ระหว่าง ตี๋ กับ "ฤกษ์" (โมสต์ วิศรุต) เพื่อนผู้สุขุมและมีเหตุผล
• ตี๋ใหญ่ (เวอร์ชันก่อนๆ ): มักถูกนำเสนอในฐานะ 'ตัวเอกเดี่ยว' ผู้มีเสน่ห์ มีความเก่งกาจ หรือมีความขมังเวทย์ในตัวเองเป็นหลัก
• ตี๋ใหญ่ (เวอร์ชัน 2568): ถูกตีความในฐานะ 'สหาย' ที่สร้างตำนานการปล้นเหนือชั้นร่วมกับ ฤกษ์ เรื่องราวไม่ได้เป็นเพียงการตามล่าโจรคนเดียว แต่เป็นเรื่องราวของมิตรภาพที่เริ่มสั่นคลอนเมื่อ "ดาว" (เก้า สุภัสสรา) เข้ามาในชีวิตของฤกษ์ ทำให้เขาคิดอยากวางมือจากเส้นทางโจร
การสวมแจ็กเก็ตสีเหลืองและแว่นเหลืองของ อาโป ณัฐวิญญ์ ในบท "ตี๋" จึงเป็นสัญลักษณ์ใหม่ที่บ่งบอกถึงจอมโจรที่สะท้อนทั้งความระห่ำและความเปราะบางของความเป็นมนุษย์ภายใต้เงาของตำนาน และพาผู้ชมย้อนกลับไปสู่ยุค 70 อันเต็มไปด้วยสีสัน ความขัดแย้ง และมิตรภาพที่ต้องแลกด้วยเลือดและน้ำตา
"ตี๋ใหญ่ ฤกษ์ดาวโจร" จึงไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องโจรธรรมดา แต่เป็นการส่ง "จดหมายรักถึงภาพยนตร์ไทย" อีกครั้งของ อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร และการนำเสนอเรื่องราวอาชญากรรมในมิติใหม่ที่เน้นย้ำถึงเบื้องหลังทางอารมณ์และมนุษยธรรมของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นตำนาน
โดยกำหนดสตรีมมิงในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ บน Netflix เท่านั้น!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง