SHORT CUT
เสือ...หนังแอ็กชันผสมอาคมมนตร์ขลัง ที่ผลักดันให้หนังไทยไปข้างหน้าอีกก้าว ! และนี่ถือเป็นภาพยนตร์ที่เปิดจักรวาลหนังไทยใหม่ๆ อย่าง “จักรวาลขุนพันธ์”
ปรากฏการณ์ "จักรวาลขุนพันธ์" ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการหนังไทย เพราะขุนพันธ์ทั้ง 3 ภาคประสบความสำเร็จในแง่ของรายได้ โดยเฉพาะภาค 3 ที่กวาดรายได้ทะลุ 100 ล้านบาท ในปี 2566
ดังนั้น การมาถึงของภาพยนตร์ "เสือ" ไม่ใช่เป็นเพียงภาคแยกธรรมดา แต่นี่คือการขยายพรมแดนจักรวาลหนังไทย ที่น่าจับตามอง
ภาพยนตร์เสือ จากฝีมือการกำกับของ โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ กำลังจะพาเราย้อนกลับไปสู่ยุคสมัยแห่งความเดือดพล่าน ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ซึ่งกฎหมายอ่อนแอ และอำนาจเถื่อนเฟื่องฟู ก่อนที่ 4 มหาโจรในตำนานจะกลายเป็นที่รู้จักในฐานะ "4 เสือ" พวกเขาคือหนุ่มหัวขบถผู้ไม่ยอมสยบให้ใคร เว้นแต่เงินตราและศักดิ์ศรี จากข้อมูลที่เปิดเผยออกมา
นี่คือ 5 ประเด็นสำคัญที่ทำให้ "เสือ" กลายเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์น่าสนใจในแง่ของงานภายนตร์ ที่ผลักดันให้วงการได้เดินเกียร์ลุยกันไปต่อ
หัวใจสำคัญที่ทำให้ ภาพยนตร์ "เสือ" น่าตื่นเต้น คือการตอบสนองต่อเสียงของแฟนๆ จากความสำเร็จถล่มทลายของไตรภาค "ขุนพันธ์" ที่กวาดรายได้กว่า 300 ล้านบาท ตัวละคร "เสือ" แต่ละตัว ไม่ว่าจะเป็น เสือฝ้าย, เสือมเหศวร, เสือใบ และเสือดำ ได้สร้างความประทับใจและมีมิติที่แข็งแรงพอจะแยกออกมามีเรื่องราวของตนเองได้ ผู้กำกับ ก้องเกียรติ โขมศิริ ได้ยืนยันว่าโปรเจกต์นี้ถูกวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น เพื่อเจาะลึกไปยังจุดกำเนิดของเหล่า "ฮีโร่นอกกฎหมาย" เหล่านี้ (หรือถ้าศัพท์ในวงการหนัง จะเรียกว่า เป็นหนัง Prequel (พรีเควล)
โดยจะเล่าถึงการเผชิญหน้ากันครั้งแรก พลังของวัยหนุ่ม และเหตุผลที่ทำให้พวกเขากลายเป็นตำนาน ก่อนที่จะต้องไปปะทะกับขุนพันธ์ในท้ายที่สุด นี่คือการเติมเต็มช่องว่างที่สำคัญ ทำให้จักรวาลนี้สมบูรณ์และลุ่มลึกยิ่งขึ้น
ปรากฏการณ์ "เสือล่าเสือ" ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในจอ แต่ยังรวมถึงนอกจอด้วย การนำ 4 พระเอกซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทยอย่าง เวียร์-ศุกลวัฒน์, มาริโอ้ เมาเร่อ, เป้-อารักษ์ และ โตโน่-ภาคิน มารวมตัวกันในภาพยนตร์เรื่องเดียวถือเป็น "Casting Coup" หรือการคัดเลือกนักแสดงครั้งสำคัญ ผู้กำกับโขมศิริกล่าวว่าเคมีของทั้งสี่คนในสนามจริงนั้นคือ "เมจิกโมเมนต์" ที่ทำให้การทำงานเต็มไปด้วยพลัง การประชันบทบาทของพวกเขาในฐานะ 4 เสือผู้มีคาถาอาคมและชั้นเชิงที่แตกต่างกัน คือการรับประกันถึงการปะทะกันทางฝีมือการแสดงที่ดุเดือดไม่แพ้ฉากแอ็กชัน และเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้ชมที่ทรงพลังที่สุด
จากคำบอกเล่าของทีมงานและนักแสดง "เสือ" ไม่ได้มีฉากไหนที่เรียกว่าเล็ก ควบคุมงานสร้างโดยทีมงานระดับรางวัลสุพรรณหงส์จาก "ขุนพันธ์ 3" การเนรมิตโลกยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้กลับมามีชีวิต ทั้งฉากชุมโจร โรงมหรสพ ไปจนถึงฉากระเบิดทุ่งสังหาร ล้วนถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบประสบการณ์ภาพยนตร์ที่ตื่นตาตื่นใจและยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งของปี
เอกลักษณ์ที่ทำให้จักรวาลขุนพันธ์แตกต่าง คือการผสมผสานแอ็กชันดิบเถื่อนเข้ากับความแฟนตาซีของคาถาอาคม ใน "เสือ" สิ่งนี้จะถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้นภายใต้การออกแบบคิวบู๊โดย ท็อป-วีระพล ภูมาตย์ฝน ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาพยนตร์แอ็กชันในตำนานอย่าง "องค์บาก" และ "ต้มยำกุ้ง" การต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่หมัดและปืน แต่คือการ "อาคมกระแทกอาคม" ที่แต่ละเสือจะปลดปล่อยวิชาประจำตัวออกมาฟาดฟันกันอย่างเต็มที่
เสือฝ้าย กับคาถาตวาดหิมพานต์ "วา โธ โน อะ มะ มะ วา วา"
เสือมเหศวร กับวิชาลิงลมและความแคล้วคลาดจากพระมเหศวร
เสือใบ กับกระสุนคต "นะ โม พุท ธา ยะ" ที่ไล่ล่าเป้าหมาย
เสือดำ กับมนตร์ซัดฝุ่น "สารพัดศัตรู วินาศสันตุ" ที่สลายอาวุธศัตรู
นักแสดงทุกคนต่างทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก ทั้งการยิงปืน ขี่ม้า และศิลปะการต่อสู้ เพื่อให้ทุกฉากออกมาสมจริงและดุดันที่สุด
จักรวาลที่เต็มไปด้วยชายฉกรรจ์นี้ ถูกเติมเต็มด้วยสีสันและมิติที่ซับซ้อนจากตัวละครหญิงอย่าง "รสริน" ที่รับบทโดย หลิน-มชณต เธอไม่ใช่เพียงหญิงสาวธรรมดา แต่เป็นซูเปอร์สตาร์ผู้มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เป็น "นกต่อ" ที่ใช้เสน่ห์เป็นอาวุธในการว่าจ้างเหล่าเสือเพื่อภารกิจลอบสังหาร
ขณะเดียวกัน ฝ่ายตรงข้ามก็น่าเกรงขามไม่แพ้กันกับ "หลวงประสาน" (รับบทโดย ท็อป-ทศพล) มือขวาเลือดเย็นของจอมพลผู้ฉ้อฉล ซึ่งถูกดีไซน์ให้เป็นเหมือน "ฝูงหมาป่าไฮยีน่า" ที่พร้อมจะฉีกกระชากเหล่าเสือให้สิ้นซาก การสร้างตัวละครสมทบที่แข็งแรงและน่าจดจำเหล่านี้ คือเครื่องยืนยันว่า "เสือ" จะเป็นภาพยนตร์ที่ครบรสทั้งในแง่ของแอ็กชันและเรื่องราวที่เข้มข้น
ในตัวอย่างเต็มภาพยนตร์ #เสือ #4TIGERS
พร้อมระเบิดศึก วันชุมเสือ
23 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง