SHORT CUT
ถึงแม้ว่าจะโตไม่ทันความดัง วง Britpop จากอังกฤษ , แต่ Gen Z ก็หันมาฟัง วง Oasis มากขึ้น เพราะมีตัวเลขพิสูจน์ออกมาแล้ว จาก App Spotify
การกลับมาของวง Oasis ในทัวร์คอนเสิร์ตรียูเนียนครั้งแรกในรอบ 16 ปี ไม่เพียงแต่สร้างปรากฏการณ์บัตรขายหมดเกลี้ยงและปลุกวิญญาณกระแสบริตป็อปให้ลุกโชนอีกครั้ง แต่ยังได้เผยให้เห็นถึงปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่น่าทึ่งยิ่งกว่า: กองทัพแฟนเพลงกลุ่มใหม่ของพวกเขาคือกลุ่มคน Gen Z
ข้อมูลจากแพลตฟอร์มสตรีมมิงอย่าง Spotify ยืนยันว่า มากกว่า 50 % ของผู้ฟังรายใหม่จำนวนมหาศาลถึง 16.6 ล้านคนของวงในปีนี้ คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เกิดหลังจากยุค '90s ที่วงโด่งดังถึงขีดสุดไปแล้วด้วยซ้ำ กล่าวอย่างง่ายๆคือ กลุ่มคน Gen Z หันมาฟังเพลงจาก Oasis
และ เพียงวันแรกที่ข่าวทัวร์คอนเสิร์ตออกมา ณ วันนั้น - ยอดสตรีมเพลงของ Oasis ใน Spotify ที่พุ่งถึง 690% ไปแล้ว
นี่คือเรื่องราวที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ แต่เป็นผลจากการมาบรรจบกันอย่างพอดิบพอดีของหลายปัจจัย ทั้งจังหวะเวลา วัฒนธรรม และพลังของบทเพลงที่ไม่มีวันตาย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าแรงสั่นสะเทือนที่สุดเกิดจากทัวร์คอนเสิร์ต “Oasis Live ’25” เพียงแค่หลังการแสดงสองคืนแรกที่เมืองคาร์ดิฟฟ์ ยอดสตรีมเพลงของ Oasis ทั่วโลกบน Spotify ก็พุ่งทะยานขึ้นถึง 320% โดยเพลง "Hello" ซึ่งเป็นเพลงเปิดการแสดง มียอดสตรีมเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจถึง 1,115% บทเพลงที่เคยเงียบเหงาไปบ้างอย่าง “Bring It On Down” และ “Fade Away” ก็กลับมามีชีวิตชีวาด้วยยอดสตรีมที่เพิ่มขึ้นกว่า 1,000%
แต่เรื่องราวนี้หยั่งรากลึกกว่าแค่กระแสความตื่นเต้นจากการกลับมารวมตัวกันเฉยๆ เพราะข้อมูลจาก PPL องค์กรที่ดูแลสิทธิการเปิดเพลงใน UK เผยสถิติที่น่าทึ่งว่า เพลงของ Oasis ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของชาวอังกฤษมาโดยตลอด
Peter Leathem OBE ซีอีโอของ PPL กล่าวว่า "Oasis คือหนึ่งในวงที่ทรงอิทธิพลและเป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยอย่างแท้จริง เมื่อทัวร์รียูเนียนเกิดขึ้น ถือเป็นโอกาสดีในการหวนกลับไปชื่นชมอิทธิพลของพวกเขา และร่วมเฉลิมฉลองให้ Oasis หนึ่งในวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรตลอดกาล"
แล้วอะไรคือแม่เหล็กที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้หันมาหลงใหลในบทเพลงของสองพี่น้อง Gallagher ?
คำตอบส่วนหนึ่งอยู่ในรายงานของ Deloitte , ผลจากรายงานสอดคล้องกันนั้น พบว่า 68% ของผู้ฟัง Gen Z มีแนวโน้มที่จะค้นหาและฟังเพลง "จากยุคก่อนที่พวกเขาจะเกิด" โดยให้เหตุผลว่าเพลงเก่าๆ ให้ความรู้สึก "สบายใจ" และช่วย "สร้างตัวตน" ในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน บทเพลงของ Oasis ที่มีเมโลดี้ติดหูและเนื้อหาที่ตรงไปตรงมาได้มอบความรู้สึกจริงแท้ที่คนรุ่นใหม่โหยหา
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคืออิทธิพลจากครอบครัว หรือที่เรียกว่า "การฟังเพลงข้ามรุ่น" (cross-generational listening) พ่อแม่ที่เป็นแฟนเพลงยุค 90s ได้ส่งต่อความรักในบทเพลงเหล่านี้สู่ลูกหลานอย่างเป็นธรรมชาติ การได้ยิน "Wonderwall" หรือ "Don’t Look Back In Anger" จากในรถหรือในบ้าน ได้สร้างสายใยและความผูกพันที่มองไม่เห็น ทำให้บทเพลงเหล่านี้กลายเป็นเพลงประกอบความทรงจำของครอบครัว
และสุดท้ายคือสถานะ "ตำนาน" ของวง เรื่องราวความขัดแย้งอันดุเดือดระหว่างพี่น้อง Liam และ Noel ที่เป็นที่กล่าวขาน ได้สร้างมิติและเรื่องเล่าที่น่าค้นหา การที่วงดนตรีที่ยิ่งใหญ่และเคยแตกหักกันไปอย่างยาวนาน กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ยิ่งเสริมสร้างให้ภาพลักษณ์ความเป็นตำนานของพวกเขาแข็งแกร่งและน่าดึงดูดใจในสายตาของคนรุ่นใหม่
การที่ Gen Z กลายเป็นผู้ฟังกลุ่มใหญ่ที่สุดของ Oasis ในวันนี้ จึงไม่ใช่แค่ปรากฏการณ์ชั่วข้ามคืน แต่เป็นการหลอมรวมกันของพลังแห่งการกลับมาพบกันอีกครั้ง, คุณภาพของเพลงที่เหนือกาลเวลา, การส่งต่อทางวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่น และมนต์ขลังของตำนานที่ยังมีชีวิต ทั้งหมดนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า Oasis ไม่ได้เป็นเพียงวงดนตรีในอดีต แต่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมดนตรีร่วมสมัย ที่สามารถเชื่อมโยงและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ได้อย่างน่าอัศจรรย์
ที่มา : deloitte goodnet inquirer musicbusinessworldwide
ข่าวที่เกี่ยวข้อง