SHORT CUT
‘นัสพาลอง-nuspalong’ Tiktoker ชาวสุรินทร์ พาไปดูของดี #SoftPowerบ้านฉัน ดินแดนอีสานใต้ ไม่ว่าจะเป็นช้างไทยที่กลายเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ที่มีผู้ติดตามบนโลกออนไลน์กว่าล้านคน ผ้าไหม สุราพื้นบ้านที่ผลิตมาจากข้าวสายพันธุ์ท้องถิ่น รวมทั้งโฮมสเตย์ชุมชน ที่นำเอาของดีมากระตุ้นเศรษฐกิจ
เอกลักษณ์ที่เป็นจุดขายตั้งแต่หัวเมืองหลักไปยังเมืองรองในประเทศไทย ล้วนมีจุดเด่นที่เชื้อเชิญผู้มาเยือนจากต่างถิ่นให้หลงไหล ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒธรรมหรือมิติธรรมชาติ เรียกได้ว่าแต่ละเมืองมี ‘ของดี’ เรียกแขก เป็นจุดขาย ‘Soft Power’ ตามแนวทางของรัฐบาล
โดยเฉพาะในโลกไร้พรมแดน การตลาดที่เต็มไปด้วยไอเดียจากทั่วท้องถิ่น กลายเป็นมหกรรมโชว์ของดีในโลกโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น TikTok, Facebook, Youtube สร้างรายได้และชื่อเสียงได้เพียงชั่วข้ามคืน
เช่นเดียวกับดินแดนอีสานใต้ ‘สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่’ บางส่วนของคำขวัญประจำจังหวัดสุรินทร์ ดินแดนแห่งอารยธรรม ที่มากล้อมไปด้วยศิลปะจากปราสาทโบราณ และความหลากหลายของวัฒนธรรมจากชาติพันธุ์ต่างๆ ที่เล่นเอานักท่องเที่ยวจากทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ยุโรป อดใจไม่ไหวต้องสมัครเป็นแฟนคลับ บินมาสัมผัสถึงอีสานใต้
“ถ้าพูดถึงจังหวัดสุรินทร์ ทุกคนคงต้องนึกถึงช้าง ช้างตัวโตๆ ลอยเด่นขึ้นมาดังคำขวัญที่ว่า สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่” คำเชิญชวนจาก ‘นัส-วนัสภรณ์ ศิระธนิตโรจน์’ หญิงสาวผมหลากสีสดใส TikToker เจ้าของช่อง ‘นัสพาลอง-nuspalong’ แห่งเมืองสุรินทร์ ที่พาผู้คนร่วมเดินทางไปพบกับเรื่องลับๆ ที่สุดแสนอันซีนซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้
เธอมีความฝันว่าสิ่งเธอทำในโลกออนไลน์ จะเกิดเป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ตั้งแต่การแนะนำให้นักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นมาใช้ชีวิตเชิงเกษตรที่ ‘แซตอม’ แหล่งรวมสายพันธุ์ข้าวขึ้นชื่อของสุรินทร์ เช่น ‘ข้าวผกาอำปึล’ ที่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพ และยังต่อยอดเป็น ‘สุราแช่พื้นเมือง’
หรือเรียนรู้วัฒนธรรม ของ ‘คนเลี้ยงช้าง’ ที่เป็นอีกจุดขายที่หาไม่ได้ในท้องถิ่นอื่น เพื่อยกระดับให้ตอบโจทย์ผู้มาเยือนจากทั่วมุมโลก
“คนเลี้ยงช้างในจังหวัดสุรินทร์ส่วนใหญ่เขาจะเป็นชาวกูย หรือว่า ส่วย ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ที่มีความผูกพันกับช้างมาอย่างยาวนาน มีความสามารถในการจับช้าง ซึ่งที่หมู่บ้านตากลาง ถือเป็นศูนย์รวมของคนเลี้ยงช้างในจังหวัดแห่งนี้” นัสขายความหลากหลายทางวัฒนธรรม
“ชีวิตช้างวันนี้ไม่ต้องจากบ้านไปหากินต่างเมืองแล้วนะ กลายเป็นเซเลบ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกโซเชียลไปแล้ว” คำบอกเล่าของ ‘วทัญญู เหมือนรัตน์’ เจ้าของ ‘ช้างบัวบาน’ ซุปตาร์อีสานใต้ แห่งเพจ Elepant Thailand ที่มีผู้ติดตามกว่า 1 ล้าน
ด้วยมนต์เสน่ห์ความน่ารัก เข้าถึงใจผู้คนได้ทั่วโลกผ่านมือถือแค่เครื่องเดียว ทำให้มีแฟนคลับติดตามผลงานประหนึ่งเป็นดาราผู้มากชื่อเสียง ซึ่งเรียกได้ว่าตั้งแต่มีช่องทางออนไลน์ชีวิตช้างในจังหวัดสุรินทร์ ก็ไม่ต้องไปเดินเร่ หรือไปทำงานตามหัวเมืองใหญ่อย่าง เชียงใหม่ ภูเก็ต
“ลำบากค่ะเมื่อก่อน ต้องพาช้างไปเร่ขายเครื่องรางบ้าง ขายอ้อยบ้าง เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว” ‘ถาวร เมตตา’ เจ้าของช้าง ‘ดาวมงคล’ ย้อนไปในวันที่พวกเขาต้องใช้ชีวิตตามท้องถนนที่สุดแสนอันตราย
ในความลำบากมีแสงสว่าง เมื่อการทำช่องในโลกออนไลน์เปิดกว้างขึ้น จากการทดลองถ่ายช้างลง Youtube ในยามว่าง กลับพบว่ามีฐานแฟนคลับที่มาติดตามช้าง เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นควาญช้างหลายคนเริ่มสร้างช่องไลฟ์สดโชว์ความน่ารัก และทำกิจกรรมต่างๆ ของช้าง กลายเป็นช่องทางในการเลี้ยงชีพได้ทั้งคนทั้งช้าง
“ทุกวันนี้เราสามารถไลฟ์สดขายผลไม้ แลกกับโดเนท (Donate) จากแฟนคลับของช้างทั้งจากต่างประเทศ และก็ในประเทศเข้ามา” เจ้าของช้างบัวบานบอก
ความโด่งดังของช้างในสุรินทร์ไม่ได้มีเพียง ‘พลายบัวบาน’ หรือ ‘ดาวมงคล’ เท่านั้นยังมีช้างอีกหลายเชือกที่ได้รับความสนใจจากผู้คน อาทิ ‘พลายแซมซั่น-พลายมิ่งมงคล’ เมื่อถึงวันเกิดจะมีกิจกรรมผูกแขนออนไลน์ เลี้ยงผลไม้ มอบของขวัญวันเกิด จากแฟนคลับทั้งไทยและต่างประเทศ เหมือนงานมิตติ้งของซุปเปอร์สตาร์
แน่นอนว่าแหล่งอันซีนของสุรินทร์ไม่ได้มีเพียงแค่ช้างเท่านั้น หากขยายความจากคำขวัญจะพบว่ายังมีสิ่งที่รอต้อนรับผู้มาเยือนอีกมากมายโดยเฉพาะในโลกปัจจุบันที่ผู้คนหันมาให้คุณค่ากับผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น
“บางปีข้าวขายดี บางปีข้าวเก่าไม่ทันหมด ข้าวใหม่ก็เกี่ยวเข้ามา เราก็เลยคิดเอาข้าวไปแปรรูปทำเป็นเครื่องดื่มสุราแช่พื้นเมืองดีไหม” ‘สุแทน สุขจิตร’ เจ้าของแซตอม ออร์แกนิค ฟาร์ม ฉายภาพโมเดลจากภูมิปัญญาท้องถิ่นในการการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มรายได้ และเป็นอีกแหล่งเรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
โดยควบคู่ไปกับการทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย เพิ่มความหลากหลายจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ควบคู่ส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้ผู้มาเยือนได้กลับไปทั้งความรู้และความผูกผันจากคนในพื้นที่
“เราจะทำในเพจให้ลูกค้าต่างชาติมาพักที่แซตอมเรา โดยมีโฮมสเตย์ให้ ซึ่งที่ผ่านมามีทั้งนักศึกษามาดูงาน และชาวต่างชาติ” นริศรา สุขจิต เลขาวิสาหกิจชุมชน แซตอม ออร์แกนิค ฟาร์ม กล่าวถึงหมุดหมายของการพัฒนาของดีท้องถิ่นต่อไป
ในจังหวัดสุรินทร์ยังมีอีกแหล่งอันซีนคือ 'หมู่บ้านทอผ้าไหมยกทอง' ที่บ้านท่าสว่าง ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับภูมิปัญหาและความเชื่อจิตวิญญานของคนท้องถิ่น ที่ถูกร้อยเรียงถักทอลงไปในทุกเส้นไหมอย่างปราณีต ซึ่งใช้เวลาร่วม 4 เดือนต่อผืน เพื่อสะท้อนอัตลักษณ์ที่กลายเป็นจุดขายบนผืนผ้าที่ไม่ซ้ำใคร