ฟังใจ เข้าสู่ปีที่ 11 ประกาศรีแบรนด์ : ปิดฉากสตรีมมิ่ง สู่ยุคใหม่แห่ง 'Music Integrator' ที่ใช้ดนตรีเชื่อมแบรนด์เข้ากับไลฟ์สไตล์
เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ที่ "ฟังใจ" (Fungjai) คร่ำหวอดคลุกคลีอยู่กับวงการเพลงไทย โดยเฉพาะสำหรับศิลปินอิสระและผู้ฟังที่มองหาความหลากหลายทางดนตรี แต่ในการก้าวสู่ปีที่ 11 ฟังใจ Fungjai ได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนทิศทาง ด้วยการยุติบริการสตรีมมิ่งแพลตฟอร์ม และรีแบรนด์ตัวเองสู่การเป็น "Music Integrator" หรือผู้เชื่อมโยงทุกมิติของดนตรีเข้าไว้ด้วยกัน
นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ แต่คือการวิวัฒนาการจากพื้นที่ของคนรักดนตรี สู่การเป็นผู้สร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เชื่อมโยงระหว่าง แบรนด์, ศิลปิน และผู้คน ให้ทุกอย่างเดินไปด้วยกัน
หากย้อนกลับไปในปี 2014 ศรัณย์ ภิญญรัตน์ CEO และผู้ก่อตั้งฟังใจ เริ่มต้นจากการเป็น "คนนอก" วงการที่อยากสร้างพื้นที่ให้ดนตรีทางเลือก ในยุคที่ YouTube เปรียบเสมือนมหาสมุทรที่กว้างแสนกว้าง ในอดีตเขาเคยบอกว่า "ฟังใจ" เปรียบได้กับ "ขันน้ำเล็กๆ" ที่ทำให้เพลงของศิลปินนอกกระแสถูกมองเห็นได้ง่ายขึ้น แต่การเดินทางไม่ได้หยุดอยู่แค่แอปพลิเคชัน
ฟังใจ ค่อยๆ เติบโตและขยายคอมมูนิตี้ผ่านหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นนิตยสารออนไลน์ 'Fungjaizine' ที่เจาะลึกเบื้องหลังและเรื่องราวของศิลปิน หรือการจัดอีเวนต์ดนตรีที่กลายเป็นลายเซ็นของแบรนด์อย่างคอนเสิร์ต 'เห็ดสด' ที่นำเสนอไลน์อัปศิลปินจาก 3 กาลเวลา และเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติ 'Maho Rasop Festival' ที่เปิดโลกให้วงการเพลงไทยได้เชื่อมต่อกับสากล
ความสำเร็จจากงานอีเวนต์เหล่านี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า จุดแข็งที่แท้จริงของฟังใจไม่ได้อยู่แค่บนโลกออนไลน์ แต่อยู่ที่ความสามารถในการสร้าง "ประสบการณ์" ที่จับต้องได้ ซึ่งนำไปสู่การปรับโครงสร้างครั้งสำคัญในที่สุด
ภายใต้แนวคิด "Elevating Brands Through Music" ฟังใจในวันนี้ได้เปลี่ยนบทบาทจากผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง สู่การเป็นที่ปรึกษาและผู้สร้างสรรค์แคมเปญการตลาดผ่านดนตรีเต็มรูปแบบ
โดยอาศัยจุดแข็ง 3 ประการที่สั่งสมมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา :
บริการหลักของฟังใจได้ถูกปรับให้มุ่งเน้นการแก้ปัญหาให้แบรนด์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น การบริหารจัดการสปอนเซอร์ในคอนเสิร์ต, การรับจัดอีเวนต์ดนตรีแบบครบวงจร ไปจนถึงหัวใจหลักอย่าง การพัฒนาแคมเปญ Music Marketing ที่เป็นโซลูชันครบวงจรสำหรับธุรกิจ
"เราไม่ได้แค่รู้จักดนตรี แต่เรารู้ว่าดนตรีจะช่วยให้แบรนด์เข้าถึงใจผู้บริโภคได้อย่างไร" ศรัณย์ ภิญญรัตน์ CEO และผู้ก่อตั้งกล่าว
การรีแบรนด์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ฟังใจเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ไม่ได้เสพแค่ "ผลิตภัณฑ์" แต่โหยหา "ประสบการณ์ที่มีความหมาย" ดนตรีจึงกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างความผูกพันทางอารมณ์
ฟังใจเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนโดยทำหน้าที่เป็นสะพานให้แบรนด์ต่างๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมดนตรี แทนที่จะเป็นการโฆษณาแบบเดิมๆ แบรนด์สามารถสร้างการจดจำผ่านกิจกรรมในคอนเสิร์ตที่น่าประทับใจ หรือเป็นผู้สนับสนุนแคมเปญที่สะท้อนตัวตนและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง
แม้โมเดลธุรกิจจะเปลี่ยนไป แต่ศรัณย์ ยืนยันว่าอุดมการณ์ "ประชาธิปไตยทางดนตรี" ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ การปรับตัวครั้งนี้จะทำให้ฟังใจสามารถสนับสนุนศิลปินหน้าใหม่และวงการเพลงไทยได้อย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น เพราะนี่คือการสร้างระบบนิเวศที่ทุกฝ่าย ทั้งแบรนด์ ศิลปิน และผู้ฟัง เติบโตไปพร้อมกันในระยะยาว