svasdssvasds

เมืองที่มีชีวิต ช่วยเยียวยาความเหนื่อยล้าได้ไม่ต่างจากป่าเขา

เมืองที่มีชีวิต ช่วยเยียวยาความเหนื่อยล้าได้ไม่ต่างจากป่าเขา

ไม่ต้องหนีเข้าป่า ก็เยียวยาใจได้ นักวิจัยชี้ “การเดินในเมือง” ถ้าสภาพแวดล้อมดี ช่วยคลายเครียดและเพิ่มพลังชีวิตเช่นกัน

หลายคนมักคิดว่า “การเดินในป่า” ให้ความสงบและผ่อนคลายมากกว่า “การเดินในเมือง” เพราะเสียงนกร้อง ลมเย็น และกลิ่นดินชื้น ๆ ดูจะเยียวยาใจได้ดีกว่าเสียงรถยนต์และควันบนถนนใหญ่

แต่รู้หรือไม่ว่า “การเดินในเมือง” ก็ช่วยให้เราคลายเครียดได้เช่นกัน ถ้าเราเดินในสภาพแวดล้อมเมื่องที่เหมาะสม

เรื่องนี้มาจาก ศาสตราจารย์ “เซซาร์ ซาน ฮวน กีย์เยน” (Cesar San Juan Guillen) จากมหาวิทยาลัยบาสก์ ประเทศสเปน ที่ชี้ว่า เมืองไม่ได้เป็นพื้นที่ที่สร้างความเครียดเสมอไป เขาศึกษากลุ่มคนที่ใช้เวลาในสวนสีเขียว เทียบกับกลุ่มที่เดินเล่นในลานเมืองที่รายล้อมด้วยโบสถ์ ร้านกาแฟ และสนามเด็กเล่น ผลลัพธ์น่าสนใจ ทั้งสองกลุ่มมีสมาธิและอารมณ์ดีขึ้นเหมือนกัน แต่กลุ่มที่อยู่ในเมืองกลับรู้สึก “มีพลัง” และ “ผ่อนคลาย” มากกว่า

เมืองที่มีชีวิต ช่วยเยียวยาความเหนื่อยล้าได้ไม่ต่างจากป่าเขา

เขาอธิบายปรากฏการณ์นี้ว่า “soft fascination” หรือ “แรงดึงดูดแบบอ่อนโยน” เช่น การเดินชมอาคารเก่า แวะมองศิลปะข้างทาง หรือมองวิวเมืองจากจุดสูง “สิ่งเหล่านี้ช่วยให้สมองพักจากความเหนื่อยล้าจากการทำงานได้อย่างเป็นธรรมชาติ”

สอดคล้องกับ ทริสตัน คลีฟแลนด์ (Tristan Cleveland) นักผังเมืองจากบริษัท Happy Cities ในแคนาดา ที่กล่าวว่ารูปแบบถนนในเมืองมีผลต่อความรู้สึกของคนเดินอย่างมาก “ถนนที่มีกำแพงเรียบ ๆ และไม่มีสิ่งน่าสนใจ ทำให้คนเดินเร็วเหมือนอยากหนี แต่ถ้ามีต้นไม้ ร้านค้า หรือหน้าต่างที่มีชีวิตชีวา คนจะอยากหยุดและพูดคุยกัน”

เขาแนะนำให้เลือกเส้นทางที่ให้ความรู้สึกพิเศษ เหมือนเป็นที่ที่ “คุณอยากพาใครบางคนมาจูบแรก” เพราะสถานที่แบบนั้นมักสร้างความรู้สึกอบอุ่นและผูกพันโดยไม่รู้ตัว

สุดท้ายไม่ว่าคุณจะเดินอยู่ที่ไหน หากเดินอย่างมีสติ รับรู้สิ่งรอบตัว และเปิดใจให้กับความงามเล็กน้อยเหล่านั้น สถานที่นั้นก้จะกลายเป้นที่พักใจของคุณได้

related