
SHORT CUT
ผู้บริหารต้องเลิกมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ต้องบรรจุเรื่อง "สุขภาวะทางการเงินและจิตใจ" เป็นกลยุทธ์หลักขององค์กร เพื่อรักษาคนเก่งและพยุงธุรกิจให้รอด
ผลสำรวจชี้ Gen Z เสี่ยงภาวะหมดไฟพุ่ง 70% เหตุแบกรับความเครียดทางการเงินและค่าครองชีพ ส่งผลงานสะดุด นายจ้างต้องเร่งปรับกลยุทธ์ดูแลสุขภาวะพนักงานด่วน
วิกฤตวัยทำงานรุ่นใหม่ เมื่อ "ความเครียดทางการเงิน" กำลังกัดกิน "ประสิทธิภาพการทำงาน"
รายงานล่าสุดจาก TELUS Mental Health Barometer ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจและเปรียบเสมือน สัญญาณเตือนภัยครั้งใหญ่ไปยังองค์กรและนายจ้างทั่วโลก
คนรุ่นใหม่ หรือ "Gen Z" มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับปัญหาขาดแรงจูงใจและภาวะหมดไฟ (Burnout) มากกว่าพนักงานรุ่นอื่นๆ ถึง "70%"
ปัญหาปากท้องกระทบงาน สาเหตุหลักที่ทำให้ Gen Z ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ไม่ใช่ความไม่อดทน แต่คือ "ความกดดันทางการเงิน"
รายงานระบุว่าเกือบครึ่งหนึ่ง (46%) ของพนักงานรุ่นใหม่ยอมรับว่าปัญหาสุขภาพจิตส่งผลกระทบเชิงลบต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยตรง โดยมีปัจจัยเร่งคือค่าครองชีพที่พุ่งสูง ค่าเช่าที่พักอาศัย และความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ
Adam กราฟิกดีไซเนอร์วัย 26 ปี จากซิดนีย์ ให้สัมภาษณ์กับ Yahoo Finance ว่า ความเครียดเรื่องเงินทำให้คุณภาพงานของเขาลดลง "ผมต้องรีบทำงานให้เสร็จเร็วที่สุดเพื่อความอยู่รอด แทนที่จะใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างงานที่ดีที่สุด กลายเป็นว่าแค่ทำให้ผ่านไปที"
นอกจากนี้ ความเครียดดังกล่าวยังส่งผลต่อสุขภาพกายและการใช้ชีวิต Adam ยอมรับว่าเขาป่วยบ่อยขึ้น และต้องพึ่งพาอาหารเดลิเวอรี่เพราะไม่มีเวลา ซึ่งยิ่งเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่ไม่จบสิ้น เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาต่างถอดใจเรื่องการซื้อบ้านหรือรถ และรู้สึกติดกับดักทางการเงิน
Jamie McLennan ผู้บริหารระดับสูงของ TELUS Health APAC ชี้ว่า ถึงเวลาที่ผู้ใหญ่ต้องเลิกมองเด็กสมัยใหม่ว่าเป็นพวกเปราะบาง หรือ "Snowflakes" แต่ต้องยอมรับว่าคนกลุ่มนี้กำลังแบกรับแรงกดดันมหาศาล ทั้งทางจิตใจ การเงิน และสังคม
ซึ่งหากองค์กรไม่เร่งแก้ไขด้วยการนำเสนอกลยุทธ์ดูแลสุขภาวะพนักงานอย่างจริงจัง หรือให้ความรู้เรื่องการบริหารจัดการเงิน ธุรกิจเองนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายได้รับผลกระทบจากประสิทธิภาพการทำงานที่ลดต่ำลงในระยะยาว
ที่มา : Yahoo Finance