เร่งขยายผล! หานายทุนจ้างวานขนงูเกือบ 2 พันตัว

เจ้าหน้าที่เร่งนำงูของกลางเกือบ 2 พันตัว ที่ตรวจยึดได้ที่จังหวัดบึงกาฬ หลังจับสองสามีภรรยาที่เป็นคนขับรถบรรทุกงูได้ขณะเตรียมลักลอบลอบส่งออกไปต่างประเทศ พร้อมเร่งขยายผลถึงนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง

วันนี้(24 ก.พ.) พันตำรวจเอก อารักษ์ มะสาธานัง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปากคาด จังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า ได้ส่งงูของกลางทั้งหมดกว่า 1 พัน 800 ตัวให้เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ อุทยานภูสิงห์ จังหวัดบึงกาฬ เพื่อนำไปอภิบาลและฟื้นฟูงูตัวที่บาดเจ็บ ก่อนนำไปปล่อยในสถานที่ที่เหมาะสม ส่วนความคืบหน้าทางคดี ยังอยู่ระหว่างการขยายผลหาตัวนายทุน ที่จ้างวานให้ขนงูล็อตนี้ เบื้องต้นคาดว่า มีเป้าหมายส่งออกไปยังประเทศเวียดนามและจีนที่นิยมเมนูเปิบพิสดาร

เมื่อกลางดึกวานนี้เจ้าหน้าที่จับนาย วรพัฒน์ รถมณี และนางสาว ศศิมาพร นิลทับ สองสามีภรรยาได้ ขณะขับรถบรรทุกงู งูเห่า จำนวน 34 ตระกร้า จำนวนกว่า 200 ตัว และงูสิงห์หางลายจำนวน 162 ตระกร้า จำนวน 1,684 ตัว น้ำหนักประมาณ 1,372 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 500,000 บาท ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นว่า ร่วมกันมีและค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และฐานนำเข้าหรือส่งออกซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่าดังกล่าวโดยผิดกฎหมาย รวมถึงการพยายามนำหรือพาของที่ยังมิได้เสียภาษีหรือของต้องจำกัดต้องห้ามที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาหรือออกไปนอกราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติศุลกากร

สำหรับ งู ถูกจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกเลื้อยคลาน ที่ประเทศไทยได้มีกฏหมายการสงวนและคุ้มครองไว้ ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนอยู่ 4 มาตราได้แก่ มาตรา 19 และ 20 ที่ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองและการค้าซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งหากฝ่าฝืนจะมีความผิด จำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 23 หากมีนำเข้า-ส่งออกสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในมาตรา 55 ถ้าหากผู้ใดช่วยซ่อนเร้น จำหน่าย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดๆ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ