นายพงษ์ศักดิ์ อวัยวานนท์ เลขาธิการสภาการแพทย์แผนไทย นายพีระ อธิปธรรมวารี ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แผนไทย พร้อมคณะเดินทางไปยังบ้านพัก ของนายแสงชัย แหเลิศตระกูล เพื่อแจ้งผลการวิจัยของสมุนไพร
นายพงษ์ศักดิ์ อวัยวานนท์ เลขาธิการสภาการแพทย์แผนไทย นายพีระ อธิปธรรมวารี ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แผนไทย พร้อมคณะเดินทางไปยังบ้านพักใน ต.บางเดชะ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ของนายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือ "หมอแสง" เพื่อพูดคุยกับนายแสงชัย ถึงผลแถลงการณ์ของกรมการแพทย์ถึงผลการวิจัยของสมุนไพรหมอแสงที่ออกมาว่า ตัวฤทธิ์ของสมุนไพรไม่สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้โดยใช้เวลาพูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมง
นายพงษ์ศักดิ์ เปิดเผยว่า การที่ระบุว่า ผลการทดลองในหลอดทดลองนั้นพบว่า ตัวฤทธิ์ของสมุนไพรไม่สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้นั้นเป็นการดำเนินการไม่ถูกต้องทางการวิจัยทางด้านสมุนไพร เนื่องจากเรื่องรักษาของแพทย์แผนไทยไม่ได้รักษาตัวยาเดียว
หรือไปรักษาชิ้นส่วนของร่างกาย เพราะร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วย 4 ส่วน คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ส่วนไหนไม่บริบูรณ์ ร่างกายก็จะไม่รักษาตัวเองได้ สำหรับตัวสมุนไพรข้าวเย็นเหนือข้าวเย็นใต้นั้นมีการใช้มานานแล้ว มีสรรพคุณในการแก้น้ำเหลืองเสีย เมื่อน้ำเหลืองดีขึ้นก็จะมีสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ร่างกายก็สามารถสร้างภูมิต้านทานได้มากขึ้น
ดังนั้น การที่จะบอกว่า ข้าวเย็นเหนือข้าวเย็นใต้ฆ่าเซลล์มะเร็งเป็นวิธีที่ผิด ไม่ตรงกับแพทย์แผนไทย เพราะแพทย์แผนไทยรักษาองค์รวมให้ร่างกายดีขึ้น เมื่อร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ก็จะสามารถต่อสู้กับการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งได้
มะเร็งไม่ใช่มาจากส่วนอื่น ๆ แต่เกิดขึ้นจากภายในร่างกายเอง สามารถต่อสู้ยับยั้งการแบ่งตัวหรือควบคุมการเกิดใหม่ ๆ ได้ ซึ่งข้าวเย็นเหนือข้าวเย็นใต้ มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ 7 ชนิด และที่ได้ผลมากคือมะเร็งเต้านม กับมะเร็งปอด
ทั้งนี้งานวิจัยบางฉบับระบุ ว่า สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ แต่การวิจัยอีกสถาบันหนึ่งบอกว่า เป็นการฆ่าเซลล์มะเร็ง มันก็ผิดวัตถุประสงค์ จึงต้องมาทำความชี้แจงให้กระจ่างและละเอียด ไม่เช่นนั้นการเดินตามวิชาชีพแพทย์แผนไทยจะสะดุด เพราะศาสตร์การแพทย์แผนไทยนั้นเป็นการยับยั้ง และปรับองค์รวมธาตุทั้ง 4 ให้สมบูรณ์ไม่กำเริบ ส่วนในแพทย์แผนปัจจุบันจะฆ่าเซลล์มะเร็ง เป็นคนละแนวทางกัน
ขณะที่บรรยากาศ บ้านหมอแสง วานนี้ ทีมงานของหมอแสงยังคงผลิตยาและบรรจุซองละ 10 เม็ด เพื่อแจกให้กับผู้ป่วยมะเร็ง จะเดินทางมารับในช่วงตั้งแต่เวลา 16.00 น. ของวันที่ 5 พ.ค. นี้ แม้ว่าจะมีการแถลงว่าสมุนไพรหมอแสง ไม่มีผลในการฆ่ามะเร็ง
แต่ก็เชื่อว่า ยังมีผู้ป่วยพร้อมญาติเดินทางไปรอรับสมุนไพรหลายหมื่นคน โดยล่าสุดจากการตรวจสอบยอดผู้ป่วยที่เดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี พบว่ามีจำนวนรวมทั้งสิ้น 19,605 คน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ป่วยมาลงประจำวันมากขึ้นก่อนถึงวันรับยาอีกประมาณ 10,000 ราย