ตะลึง “โจรจี้ทอง”ย่านบางพลัด นั่งกิน “ชาบู” ก่อนก่อเหตุ

จากกรณีคนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 50 ปี สูงประมาณ 160 เซนติเมตร สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ และสวมหมวกแก๊ปสีขาว เดินเข้าร้านทองอย่างใจเย็น ส่งกระดาษบอกข้อความว่าจะปล้น ก่อนใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. จี้พนักงานร้านทองออโรร่า สาขาตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.บางพลัด โดยบังคับพนักงานให้นำทองรูปพรรณใส่กระเป๋าผ้าที่เตรียมมา คิดเป็นน้ำหนัก 179 บาท มูลค่ากว่า 4,060,000 บาท และเงินสดอีก จำนวน 40,000 บาท ก่อนหลบหนีไป โดยภาพจากกล้องวงจรปิด สามารถจับภาพใบหน้าของคนร้ายได้อย่างชัดเจน

ล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 วันที่ 6 ก.ย. พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น. ได้เดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมสอบปากคำ น.ส.มะลิ มั่นจิต พนักงานร้านทอง โดยน.ส มะลิ ให้การว่า ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะพึ่งมาทำงานได้เพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น และขณะเกิดเหตุคนร้ายได้เดินเข้ามาภายในร้าน โดยที่ไม่มีการปิดบังใบหน้า

น.ส.มะลิ กล่าวอีกว่า เมื่อคนร้ายเดินเข้ามาในร้าน ได้บอกกับตนเองให้อยู่เฉยๆ และบอกด้วยว่า ทองพวกนี่ไม่ใช่ของพวกคุณ จากนั้นคนร้ายได้ยกปืนขึ้นมาข่มขู่ และบอกว่าเอาทองมา อีกทั้งยังบอกด้วยว่า ได้นำน้ำกรดมาด้วย และถ้าสาดไปจะทำให้เจ็บปวด

เมื่อถูกข่มขู่จึงหยิบทองส่งให้คนร้าย โดยคนร้ายได้เอาทรัพย์สินใส่ถุงผ้าที่เตรียมมาใส่เดินออกไปจากร้าน สำหรับทองที่คนร้ายได้ไปประกอบด้วย สร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือทองคำ รวมน้ำหนัก 179 บาท และเงินสดอีก 40,000 บาท

ขณะที่ พล.ต.ต.สุคุณ เปิดเผยว่า เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว จอดรถจักรยานยนต์ไว้ด้านข้างของห้าง ก่อนจะเดินมาก่อเหตุ ส่วนกระดาษที่ส่งให้พนักงาน เขียนว่า "นี่คือการปล้น" ด้วยดินสอ เป็นกระดาษเมนูของร้านอาหาร “ข้าน้อย ขอ ชาบู” ซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่า คนร้ายได้มานั่งกินอาหารที่ร้านแห่งนี้ก่อนเกิดเหตุหรือไม่ ทั้งนี้ ขณะลงมือคนร้ายไม่มีการปิดบังใบหน้าในก่อเหตุ  ซึ่งที่ จ.นนทบุรี ก็มีแผนประทุษกรรมที่คล้ายๆกัน และกำลังตรวจสอบอยู่ว่ามีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่

ขณะที่รายงานข่าวแจ้งว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ ใช้พาหนะเป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าคลิก สีแดง-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยได้นำรถจักรยานยนต์มาจอดใกล้กับทางออกของห้างฯ หลังก่อเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ออกจากห้างไปทางถนนสิรินธร (ขาออก) และเลี้ยวซ้ายเข้าถนนบรมราชชนนี วิ่งตรงไปแยกปิ่นเกล้า ก่อนจะเลี้ยวซ้ายแยกปิ่นเกล้า มุ่งหน้าสะพานพระราม8 โดยที่ไม่ได้ขึ้นสะพาน

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า คนร้ายได้เคยมาดูลาดเลาที่ร้านทองดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยคนร้ายมานั่งกินอาหารที่ร้าน “ข้าน้อย ขอ ชาบู” ซึ่งเป็นร้านซูชิ และชาบู ก่อนจะเดินไปที่ร้านทอง แต่บอกกับพนักงานร้านทองว่า ถูกหวยและไม่ซื้อ ก่อนจะกลับมาก่อเหตุ ในช่วงค่ำของวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา