Tesla เตรียมตั้งบริษัทในไทย ลุ้นได้ใช้รถไฟฟ้าถูกลง ซ่อมสะดวกเข้าศูนย์ได้
สำหรับใครที่รอคอยหรือชื่นชอบรถยนต์ยี่ห้อ Tesla คงตื่นเต้นสำหรับข่าวนี้ เพราะมีการจดบริษัท เทสลา ประเทศไทย จำกัด ซึ่งหากบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่อย่าง Tesla มาเปิดที่ไทยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเลยทีเดียว
เป็นข่าวลือกันจนเป็นกระแสสำหรับการจดบริษัทที่มีชื่อว่า ‘บริษัท เทสลา ประเทศไทย จำกัด’ ซึ่งมีข้อมูลรายชื่อคณะกรรมการ คือ นาย เดวิด จอน ไฟน์สไตน์ ,นาย ไวภา ดเนชา, นาย ยาลอน ไคลน์
ซึ่งทั้งเดวิด จอน ไฟน์สไตน์ และ ยาลอน ไคลน์ ทั้งสองคนอยู่ในบอร์ดบริหารใหญ่ Tesla Global ซึ่งเป็นการยืนยันว่าบริษัทที่จดเป็นของแท้แน่นอน
และยังพบข้อมูลการจดบริษัทนี้เพื่อประกอบกิจการขายรถยนต์ไฟฟ้า, ระบบเก็บพลังงานแบบติดตั้ง , และระบบผลิตพลังงานต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าทาง Tesla จะมาไทยอย่างเต็มรูปแบบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- เทสลา Tesla เรียกคืนรถยนต์ในจีนกว่า 1.4 หมื่นคัน หลังพบปัญหา ซอฟต์แวร์
- เทสลาเปิดตัว รถแท็กซี่ไร้คนขับ Robotaxi ค่าใช้จ่ายต่อไมล์ต่ำสุดเกินคาด
- Tesla ยัน ผลิตรถยนต์ที่โรงงานเซี่ยงไฮ้ตามปกติ แม้เจอล็อกดาวน์ อะไหล่ขาด
ยังมีข่าวลือว่าทาง Tesla กำลังต่อรองเจรจากับรัฐบาลเพื่อตกลงดีลอยู่ และยังมีทางเพจ Blink Drive ได้ออกมาคาดการณ์ดังนี้
ถ้า Tesla มาเปิด Official จริงๆ ผลที่ตามมา
1. Tesla รุ่นเริ่มต้น อย่าง Model 3 จะมีราคา 1.7-2.2 ล้านบาท(รวมภาษีอื่นๆ ทั่วไปแล้ว)
2. Tesla ทุกคันที่วิ่งในไทยตอนนี้จะได้อัพเดทซอฟต์แวร์ชุดประเทศไทยทำให้ใช้งานแผนที่และระบบนำทางได้ทันทีพร้อมกับคีย์บอร์ดไทยในระบบ
3. Tesla มาแล้วคงไม่มามือเปล่า แต่จะมาพร้อมกับการตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Supercharger ทั่วประเทศไทยอย่างแน่นอนและอาจจะเชื่อมต่อไปยังประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ในอนาคตแน่นอน
4. รถ Tesla จะมีประกันซ่อมศูนย์ฯ เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้กับชาวเทสลาทันที
ผลเสียที่เกิดขึ้นจากการที่เทสล่ามาไทย
1. อุตสาหกรรมยานยนต์จะต้องปรับตัวอย่างรุนแรงทันทีให้แข่งขันกับเทสลาให้ทัน จะมีการเลิกจ้างงานในบางหน่วยงาน เช่น R&D เครื่องยนต์
2. ค่ายรถในประเทศต้องปรับฐานราคา(ลดราคา)รถบางรุ่นเพื่อหนีจากฐานราคาเทสลาเพื่อคงลูกค้าเอาไว้ ผลกระทบจะทำให้ตลาดรถหรูมือสองปรับราคาลงทันทีชนรถญี่ปุ่นมือหนึ่งหลายรุ่นแน่นอน
3. ปตท. จะเสียรายได้แบบ(สะสม)ไปเรื่อยๆ ลองคิดดูว่า ถ้ามียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าปีล่ะ 10,000 คันวิ่งรถปีล่ะ 10,000 km ก็เท่ากับว่า ยอดขายน้ำมันหายไปปีล่ะ 5 ล้านลิตร(อย่างต่ำ)
ปีหน้าขายได้อีก 10,000 คัน เท่ากับว่า ยอดขายน้ำมันหายไป 10 ล้านลิตร(จะลดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ)
คนในอุตสาหกรรมปิโตรเลี่ยมอาจจะตกงานเยอะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
4. อู่รถยนต์ต่างๆ ต้องปรับตัวให้รองรับการมารถยนต์ไฟฟ้าอย่างหนักขึ้น อย่างที่รู้คือรถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องการการซ่อมบำรุงทุก 6-12 เดือนเหมือนรถยนต์น้ำมัน ทำให้อะไหล่ใช้แล้วทิ้งหลายตัวขายไม่ออก เช่น ไส้กรองน้ำมัน, ไส้กรองอากาศเครื่องยนต์และอื่นๆ