svasdssvasds

ชัชชาติ ยัน เร่งแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว ตั้งเป้าลดค่าโดยสาร

ชัชชาติ ยัน เร่งแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว ตั้งเป้าลดค่าโดยสาร

ชัชชาติ ยันเร่ง จัดการปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว เดินหน้าเคลียร์หนี้สิน กทม. หวังคืนหนี้ให้รัฐบาล ตั้งเป้าลดค่าโดยสารให้ประชาชน พร้อมเตรียมหาแนวทางเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยาย ให้เกิดความเป็นธรรม ย้ำชัดเจนภายใน 1 เดือน ทั้งสัญญาจ้างเดินรถ-ต่อสัมปทาน

วันนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. บอกภายหลังการประชุมร่วมกับ บริษัทกรุงเทพธนาคม หรือ เคที นานกว่า 1ชั่วโมง ว่า วันนี้กรุงเทพธนาคมได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นของสัญญาและเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในสัญญาการเดินรถ​ และสัมปทาน​รถไฟฟ้าสายสีเขียว รวมถึงการนำสายสื่อสารลงดิน​ ซึ่งการหารือกับกรุงเทพธนาคมวันนี้ ทำให้ได้เห็นสัญญาการเดินรถ ที่จะสิ้นสุดในปี 2585 ซึ่งเป็นตัวที่ก่อให้เกิดภาระหนี้สิน ​จึงต้องนำข้อมูลมาตรวจสอบว่า ภาระหนี้สินเกิดจากอะไร และสัญญาได้รับการอนุมัติ​จากสภา กทม.หรือ​ไม่​

ทั้งนี้จึงขออย่าเอาหนี้สินมาเป็นตัวเร่งรัดการตัดสินใจระยะยาว​ แม้ว่าจะมีดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน​ และหากมีความจำเป็น​ กทม.ก็ยังมีข้อบัญญัติ​ ในการกู้เงินที่จะนำมาชำระหนี้สินได้ โดยเป็นข้อบัญญัติ​ที่ต้องผ่าน สภา กทม.ก่อน​ ซึ่งการกู้เงินจากรัฐจะได้ดอกเบี้ยที่ถูกลงกว่าให้เอกชนเป็นผู้กู้ แต่จะต้องดูรายละเอียด​ให้รอบ​คอบ​ก่อน​

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ส่วนการขยาย​สัญญาสัมปทาน​รถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่จะหมดสัญญาในปี 2572 นั้น​ ชัชชาติ​ระบุว่า ยังไม่ได้มีการหารือวันนี้ เพราะยังมีส่วนที่เกี่ยวข้อง​ฝ่ายอื่นๆ ทั้งสำนักการจราจร​และขนส่ง​กรุงเทพ​มหานคร​ หรือ​ สจส.​ และสภากทม.​ ที่จะต้องพูดคุยกัน​เพื่อดูรายละเอียดข้อมูล และทบทวนการต่ออายุสัญญา โดยให้สภา กทม.ดูเนื้อหาอย่างละเอียด​ตามแนวทางปฎิบัติ​ เพราะสัญญาเดิมที่ค้างอยู่ใน ครม. ขณะนี้ เกิดขึ้นจากการพิจารณา​ของคณะกรรมการ​ที่ถูกตั้งขึ้น โดยใช้ ม.44​ ทั้งนี้หากศึกษารายละเอียดแล้วก็เชื่อว่า จะมีจุดที่ทำให้สัญญา​ถูกลงได้​ เพราะที่ผ่านมาไม่มีการใช้ พ.ร.บ.ร่วมทุนเข้ามาแข่งขัน​

ส่วนจะทำราคาค่าโดยสารถูกลง​จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะอยู่ในราคา 25 บาทนั้น​ ชัชชาติระบุว่า​ เป็นเป้าหมายที่ตั้งใจจะทำ​ และมีความเป็นไปได้​ แต่ยอมรับว่าก็มีปัจจัย​อื่นที่ควบคู่​ไปด้วย เช่น โครงสร้างหนี้พื้นฐานที่จะเป็นตัวเปลี่ยนแปลงกำไรและขาดทุน​

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.

พร้อมมองว่า อีกหนึ่งแนวทางที่จะลดภาระหนี้สิน​ คืออาจจะเริ่มเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยาย​ทั้งสองส่วน​ เพราะปัจจุบัน​การให้บริการฟรีอาจจะไม่สมเหตุสมผล​ และส่งผลกระทบต่ออาชีพการให้บริการรถขนส่งสาธารณะ​ที่จะขาดรายได้​ ทั้งนี้ต้องดูความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น​ประชาชนและเอกชนด้วย​

ชัชชาติ​บอกอีกว่า หลังจากได้ข้อสรุป​จะต้อง​รายงานต่อ​ พลเอกอนุพงศ์​ เผ่า​จินดา ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ โดยจะรีบสรุปข้อมูล เพื่อเข้าหารือให้เร็วที่สุด และคงยังไม่เข้าไปรายงานที่ประชุม ครม.​ ทั้งนี้ยืนยันว่า จะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือนตามที่เคยบอกไว้ พร้อมย้ำด้วยว่า สิ่งที่ กทม. อยากทำมากที่สุด​ คือการเร่งคืนหนี้สินให้รัฐบาลให้เร็วที่สุด และอยากขอให้ กทม. มาดูแลเรื่องการเดินรถเอง เพราะถือเป็นสมบัติของเมือง​

ส่วนกรณีหารือในประเด็นสายสื่อสารลงดินนั้น ชัชชาติ​ระบุว่า ยังไม่มีความคืบหน้าเพราะขณะนี้มีปัญหาเรื่องรายได้และผู้เข้ามาดำเนินการ​ ที่มีสัญญาจ้าง​ 4​ ฉบับ​ กรอบวงเงิน 19, 000 ล้านบาท​ เพราะเป็นรูปแบบที่ไม่เจออะไรหน้างานจึงต้องเข้าไปศึกษารายละเอียด​ข้อมูล​ เพราะถือเป็นสิ่งที่ประชาชน​อยากเห็นความก้าวหน้าและจะต้องไม่เป็นภาระของผู้บริโภค​เพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน​ที่สำคัญ​

และในวันจันทร์ที่ 6 มิ.ย. จะเชิญองค์กรต่อต้านคอรัปชั่น มาหารือเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความไว้ใจให้กับประชาชน เพราะการบอกว่า ตนเองโปร่งใส ใครก็ไม่เชื่อ แต่ถ้ามีผู้มาร่วมสังเกตและให้ข้อแนะนำ และมีการตรวจสอบจะทำให้มีความมั่นใจในการทำงานได้ดีขึ้น ถ้าเรากลัดกระดุมเม็ดแรกถูก ก็จะไปต่อได้ โดยจะเริ่มให้องค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นมาเป็นหนึ่งในผู้สังเกตุการณ์สัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าด้วย

related