svasdssvasds

วิจารณ์สนั่น! “สาวพริตตี้บราวนี่กัญชา” โซเชียล แตกออกเป็นสองฝ่าย

วิจารณ์สนั่น! “สาวพริตตี้บราวนี่กัญชา”  โซเชียล แตกออกเป็นสองฝ่าย

นาทีนี้ บราวนี่กัญชา กำลังมาแรง หลังเหตุการณ์พริตตี้สาวกินเข้าไป จนต้องเข้า ICU ทำเอาโลกโซเชียลปั่นป่วนแตกออกเป็นสองฝ่าย พร้อมหาข้อสรุปที่แท้จริง ใครกันแน่ที่ผิด?

เรียกได้ว่าเป็นประเด็นร้อนที่น่าจับตามองถึงบทสรุปของ “พริตตี้สาวกินบราวนี่กัญชา” ที่ทำเอาวงการสาวพริตตี้สะเทือนและวงการกัญชาสะเทือน เมื่อสาวพริตตี้กินขนมบราวนี่ที่ได้รับจากแขกมากิน โดยไม่ทราบว่าบราวนี่มีส่วนผสมของกัญชา

หลังจากนั้นไม่นานสาวพริตตี้ก็เกิดอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที ก่อนตะโกนให้เพื่อนเรียกรถพยาบาล โชคดีที่แฟนหนุ่มอยู่ในเหตุการณ์ก่อนหามส่งโรงพยาบาลเร่งด่วน

ซึ่งหลังจากเรื่องนี้ได้เผยแพร่ออกไป ก็ทำให้ชาวเน็ตเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก โดยเฉพาะใน Facebook และ Twitter ที่มีการพูดถึงแตกออกไปเป็นสองฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด

โดยใน Facebook ได้มีการคอมเม้นไปในเชิงตำหนิสาวพริตตี้มากกว่าตำหนิคนที่ให้ขนมบราวนี่ และบอกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความประมาทของสาวพริตตี้เอง อาทิเช่น “โทษทุกอย่าง ยกเว้นตัวเอง”

“ของของคนแปลกหน้าทำไมถึงกล้ากินเข้าไป” หรือคอมเม้นว่าสาวพริตตี้เสพกัญชามาก่อนรับงานหรือเปล่า ทั้งนี้ทางเจ้าตัวออกมาตอบโต้ว่า ตนเองไม่รู้จริงๆ ที่รับมากินเป็นเพราะหิว และสาบานได้เลยตนไม่เคยดูดกัญชา ไม่เคยเอาของมึนเมาเข้าปากแต่อย่างใด

แต่ถึงอย่างนั้นคอมเม้นใน Facebook ก็ยังคงไม่เชื่อแล้วตำหนิสาวพริตตี้เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ในทางกลับกันกระแสข่าวนี้ใน Twitter กลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง และเห็นใจที่สาวพริตตี้โดนสังคมตัดสินไปว่าผิด

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ส่วนใหญ่กลับมองว่า สาวพริตตี้ไม่มีความผิดเลยสักนิด เธอเป็นเหยื่อของเหตุการณ์นี้ด้วยซ้ำ ทำไมสังคมถึงเอาแต่โทษเหยื่อซะส่วนใหญ่ ก่อนจะเริ่มถกประเด็นถึงคนที่ยื่นขนมบราวนี่มาให้นั้นสวมเสื้อผ้าสีดำซึ่งเหมือนเจ้าหน้าที่ในงาน ดังนั้นถ้าสาวพริตตี้จะรับมาทานแล้วแบ่งกับเพื่อนๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก และถ้าหากเป็นตนเองก็คงรับมากินเหมือนกัน

พร้อมบอกว่าทำไมคนไทยถึงชอบซ้ำเติมเหยื่อ และมองว่านี้เป็นเรื่องร้ายแรงมาก หากเป็นอันตรายถึงชีวิตใครจะรับผิดชอบ แล้วยังกล่าวต่ออีกว่า พวกคนที่คอมเม้นใน Facebookว่าทำไมเจ้าตัวรับของคนแปลกหน้ามากินได้ ถ้าอย่างนั้นทำไมเวลามีคนแจกอาหารให้ชิมตามบูธในห้างสรรพสินค้า คนอื่นถึงกล้ารับมากิน

ทั้งๆ ที่อาหารที่แจกก็มาจากคนแปลกหน้าเหมือนกัน หรือเป็นเพราะเหยื่อทำอาชีพเป็นพริตตี้คนเลยซ้ำเติมกลับอย่างนั้นหรือ?

จากเหตุการณ์ในครั้งนี้เลยทำให้โลกโซเชียลกำลังถกอย่างร้อนระอุว่า สรุปแล้ว ใครกันแน่ที่ผิด? แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องราวของสาวพริตตี้กินบราวนี่ที่มีส่วนผสมของกัญชา ก็ทำให้คนไทยเริ่มตั้งคำถามอีกครั้งกับ กฎหมายเสรีกัญชาที่สามารถให้ผสมในอาหาร หรือ ขนมได้ สรุปแล้วมันทำให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันยากขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า?

 

และบางกรณีตามร้านอาหาร ก็ไม่มีป้ายบอกว่าร้านนี้มีการผสมกัญชาลงในอาหารหรือไม่ แล้วที่สำคัญการไม่รับประทานของจากคนแปลกหน้าก็ยังเป็นเรื่องที่โดนเน้นย้ำอยู่เสมอตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสิ่งที่ยื่นมาให้เรานั้นคือความหวังดี หรือประสงค์ร้ายกันแน่ และอาจไม่มีใครโชคดีเหมือนกับสาวพริตตี้ที่ได้รับการช่วยเหลือทันจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

โดยที่ก่อนหน้านี้ทาง อ.เจษฎ์ หรือ ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ เคยได้อธิบายถึง 8 ข้อ แนะนำการเอากัญชามาทำอาหารอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนี้

1. ไม่ควรนำ ช่อดอกกัญชา มาใช้เพราะในช่อดอกกัญชามีสาร THC ที่มีฤทธิ์มึนเมาสูง และไม่ควรเอา ราก กิ่ง ก้าน ลำต้น มาใช้ ใช้ได้แค่ “ใบ” เท่านั้น

2. อาหารประเภทต้ม ผัด แกง ทอด ใช้ใบกัญชาสดไม่เกิน 1-2 ใบต่อเมนู เพราะถ้าใช้เกินจะมีผลข้างเคียงไปสู่สารเสพติดได้

3. ร้านค้าที่ใช้กัญชาประกอบอาการหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ควรมีป้ายบอกกำกับผู้บริโภคให้ชัดเจน

4. ห้ามโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ ว่าอาหารที่ใส่กัญชามีสรรพคุณรักษาโรคได้ ถ้าไม่อยู่ในความดูแลของแพทย์

5. เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี สตรีมีครรภ์และในนมบุตร ไม่ควรกินอาหารที่ผสมกัญชาเพราะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

6. คนที่แพ้สาร THC,CBD หรือสารตัวอื่นๆในกัญชาต้องห้ามบริโภคกัญชาเพราะอาจอันตรายถึงชีวิตได้

7. หากบริโภคกัญชาไปแล้ว งดการขับขี่ หรือ ทำงานกับเครื่องจักรกล เพราะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้

8. หากจำเป็นต้องกินหรือใช้กัญชา ควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากหน่วงงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

 

related