svasdssvasds

ไทยสร้างไทย ไม่ปลื้ม แจกเงินดิจิทัล 10,000 เสี่ยงเงินเฟ้อ ทำเศรษฐกิจล้ม

ไทยสร้างไทย ไม่ปลื้ม แจกเงินดิจิทัล 10,000 เสี่ยงเงินเฟ้อ ทำเศรษฐกิจล้ม

"โภคิน พลกุล" มองแจกเงินดิจิทัล 10,000 ไม่สร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ ไทยสร้างไทย เน้นนโยบายดูแลคนไทยทุกช่วงวัยอย่างเป็นระบบ สร้างประชาชนให้มีความรู้ ทักษะ มีสุขภาพดี มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ

ดร.โภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนประเทศพรรคไทยสร้างไทย ได้แถลงข่าวกรณีที่ พรรคเพื่อไทย มีนโยบาย แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านวอลเล็ตว่า

นโยบายการแจกเงินเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ หรือที่จริงแล้วควรทำในระดับที่จำกัด เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในและบรรเทาความฝืดเคืองช่วงต้นๆ เพราะมองว่าไม่ก่อให้เกิดผลผลิตใดๆ 

นอกจากนี้ หลักการในการแจกเงินดิจิทัล คืออะไร ควรแจกทุกคนหรือไม่ หากมองเรื่องความเท่าเทียมตามรัฐธรรมนูญ ทำไมต้องแจกตั้งแต่อายุ 16 ปี

ขณะเดียวกัน ยังมองว่าการทำระบบ Decentralization Finance หรือการเงินแบบไม่รวมศูนย์ ที่มีการสร้างเงินตราขึ้นใหม่ จนทำให้เกิดภาวะเงินล้นโลก แต่อยู่ในมือคนเพียง 10% 

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

ยกตัวอย่างในอเมริกาที่พิมพ์เงินดอลลาร์ขึ้นมา ซึ่งไม่รู้จำนวนเท่าไหร่ และแนวทางนี้ในหลายประเทศก็เลียนแบบ โดยทำเป็นรูปแบบ เงิน QE ลักษณะเป็นการเติมเงินเข้าไปในระบบ ซึ่งผมคิดว่าไทยก็ทำแต่ไม่รู้ว่าทำเข้าไปเท่าไหร่ 

นอกจากนี้ การเกิดขึ้นของคริปโตคือเงินเสมือนจริง ที่อาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชนมันก็เติมเงินเข้าระบบ ผลที่เกิดขึ้นคือธนาคารกลางของสหรัฐ ลดดอกเบี้ยในระบบ เพื่อลดภาวะเงินเฟ้อ

แม้การเกิดขึ้นของบล็อกเชนและเงินดิจิทัล จะถูกปล่อยออกมาเพื่อลดปัญหาการสร้างภาวะเงินเฟ้อและไม่ต้องการผูกขาดกับรัฐบาล แต่จากปัญหาของเหรียญคริปโตหลายเหรียญ เช่น กรณีของ FTX หรือเหรียญลูน่า ที่ยังหนีคดี ก็เห็นว่าเหรียญคริปโตเหล่านี้ ยังไม่มีความปลอดภัยที่แท้จริง

***Quantitative Easing หรือ QE เป็นมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ที่ธนาคารกลางจะเข้าไปทำการเข้าซื้อสินทรัพย์ระยะยาวจากตลาดเสรี เพื่อเพิ่มปริมาณเงินในระบบหลัก มีลักษณะเหมือนการ "อัดฉีด" หรือ "แจกเงินสด" 

ไทยสร้างไทย ไม่ปลื้ม แจกเงินดิจิทัล 10,000 เสี่ยงเงินเฟ้อ ทำเศรษฐกิจล้ม

อย่างไรก็ตาม พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่า รัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกำหนดสิทธิของประชาชนในการมีชีวิตที่ดีไว้อย่างไร

  • มาตรา 48 สิทธิของมารดาช่วงก่อนและหลังคลอด มาตรา 54 รัฐต้องให้เด็กทุกคนได้เรียนฟรี 12 ปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพ
  • ก่อนวัยเรียนและวัยเรียน ในวรรค 2 เด็กเล็กควรได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษา วรรค 3 ประชาชนได้รับการศึกษาตามความต้องการ วรรค 5 ตามวรรคและ 2 และ วรรค 3 ช่วยผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ซึ่งจะมีกองทุนให้
  • มาตรา 77 วัยทำมาหากิน ยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็น เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพ โดยไม่ชักช้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน
  • มาตรา 48 วรรค 2 วัยเกษียณ บุคคลซึ่งมีอายุเกิน 60 ปีและไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ และบุคคลผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมจากรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ

ดังนั้น นโยบายพรรคไทยสร้างไทย จึงสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ชีวิตของประชาชน ให้มีชีวิตที่มีศักดิ์ศรี มีความมั่นคงทุกช่วงวัย ต้องสร้างประชาชนให้มีความรู้ ทักษะ มีสุขภาพดี ต้องถูกปลดปล่อย (Liberate) และ เพิ่มอำนาจ (Empower) ประชาชน ต้องสถาปนาความยุติธรรม ต้องขจัดคอรัปชั่นและธุรกิจสีเทา

ซึ่งผลของสงครามการเมือง 2 ขั้ว ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ยากจน ความใหญ่โตและสิ้นเปลืองหรือการกดทับของรัฐราชการ การทุจริตคอรัปชั่น ธุรกิจสีเทาสีดำ การผูกขาด ทุนนิยมพรรคพวก

จนทำให้ประชาชนพ่ายแพ้เจ็บปวดมาตลอด 17 ปีและเสพติดการแจก การช่วยเหลือแบบครั้งคราวเฉพาะหน้า ไม่ยั่งยืน พรรคไทยสร้างไทยจึงมียุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาทั้งระบบ ซึ่งต้องใช้งบประมาณ 600,000 – 700,000 ล้านปี

โดยตัดงบประมาณที่ฟุ่มเฟือย ไม่จำเป็น 10% ของงบรายจ่ายประจำปี จะได้เงินในส่วนดังกล่าวประมาณ 300,000 ล้านบาท  พร้อมกับการเอาธุรกิจใต้ดินขึ้นบนดิน จะสามารถจัดเก็บรายได้ เพิ่มประมาณ ถึง 300,000 - 400,000 ล้านบาท

คาดว่าคนที่ได้รับการดูแลจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเงินตลอดปี ซึ่งถ้าเกิดการหมุนเวียน แค่เพียง 3 รอบ จากเงิน 700,000 ล้านบาท จะทวีคูณ เป็น 2,100,000 ล้านบาท หากเงินหมุนเวียนได้เหมือนที่บางพรรคทำ 6 รอบใน 6 เดือน ก็จะเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

ดร.โภคิน ระบุว่า การขับเคลื่อนนโยบายทั้งระบบไม่ใช่ประชานิยมแบบที่ทำให้ประชาชนเป็นขอทาน ต้องไม่ทำให้ประชาชนเป็นขอทาน เป็นทาสของแต่ละขั้ว อยู่ท่ามกลางความยากจน เกลียดชังซึ่งกันและกันตามความเชื่อที่ผูกพันกับขั้วที่ตนชอบ  ถูกหลอกให้เจ็บปวด ล้มตาย ชีวิตครอบครัวล่มสลายมา 90 ปีแล้ว โดยเฉพาะ 17 ปีนี้ยิ่งเลวร้ายที่สุด

ดังนั้นต้องใช้เงินสร้างคน จ้างงาน ลดความเครียด ความเสี่ยง แต่ละช่วงวัย เติมความรู้ ทักษะ เติมโอกาสใช้เทคโนโลยีของระบบ ดิจิทัล อำนวยความสะดวก สร้างพลัง ประชาชนต้องไม่หลงเชื่อหรือเป็นเหยื่อของการชักจูง เพื่อให้พรรคบางพรรคได้อำนาจและพาประเทศไปเสียหายยิ่งกว่าเดิมต้องลุกขึ้นปฏิวัติ อย่ายอมแพ้อำนาจเงิน ยอมแพ้อำนาจรัฐ ยอมแพ้อำนาจอิทธิพล บ้านใหญ่ต่างๆ การชักจูงหลอกล่อ ด้วยการแจกเงินในอนาคตที่ไม่ยั่งยืน และไม่ได้สร้างคนให้เข้มแข็งแต่อย่างใด 

related