svasdssvasds

พิธา นำทีมเศรษฐกิจก้าวไกล พบสภาอุตสาหกรรม รับปาก ไม่ขึ้นค่าแรง 450 แบบกระชาก

พิธา นำทีมเศรษฐกิจก้าวไกล พบสภาอุตสาหกรรม  รับปาก ไม่ขึ้นค่าแรง 450 แบบกระชาก

‘พิธา’ ว่าที่นายกฯ คนที่ 30 รับปาก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ไม่ขึ้นค่าแรง 450 บาทแบบกระชาก เล็งใช้ภาษี-เพิ่มสภาพคล่องแลกช่วยธุรกิจ มั่นใจลดค่าไฟได้ หลังก๊าซถูกลง ขณะที่ ภาคเอกชนเชื่อมั่นนโยบายพรรคก้าวไกลสามารถนำพาประเทศไปสู่อนาคตได้

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล เช่น ศิริกัญญา ตันสกุล, วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร และ สุพันธุ์ มงคลสุธี ตัวแทนจากพรรคไทยสร้างไทย พบสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นำโดย เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. เพื่อรับฟังข้อเสนอนโยบายจากภาคอุตสาหกรรมพร้อมทั้งรับฟังปัญหา อุปสรรค และข้อกังวลของตัวแทนภาคอุตสาหกรรม

โดย ข้อเสนอแนะส่วนใหญ่ตรงกับนโยบายของพรรคก้าวไกลที่จะไปบรรจุในนโยบายรัฐบาล เช่น เรื่องราคาพลังงาน การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน เป็นต้น ภาคเอกชนเชื่อมั่นว่าภายใต้การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนโดยยึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง ดำเนินการด้วยความโปร่งใสรอบคอบ จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและนำพาเศรษฐกิจประเทศไปสู่อนาคตได้

พิธานำทีมเศรษฐกิจพบสภาอุตสาหกรรม  รับปาก ไม่ขึ้นค่าแรง 450 บ.แบบกระชาก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พิธา  ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เขาได้มีโอกาสทำงานร่วมกับสภาอุตสาหกรรมครั้งแรกตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว ในวันนั้นประเทศไทยคุยกันเรื่องการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ผ่านยุทธศาสตร์การรวมกลุ่มทางอุตสาหกรรมคลัสเตอร์พลัส แต่เวลาผ่านไปเห็นได้ว่าหลายเรื่องที่คุยกันค้างไว้ไม่ได้มีการทำต่อ พรรคก้าวไกลจึงต้องการเข้ามาผลักดันอุตสาหกรรมให้ตอบโจทย์ใหม่ๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น blockchain มาใช้ การสร้างยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมใหม่โดยเฉพาะการเปลี่ยนจาก Made in Thailand เป็น Made with Thailand ที่ประเทศไทยไม่ใช่แค่รับจ้างผลิต แต่ต้องทำให้อุตสาหกรรมไทยเข้าไปอยู่ใน Value Chain ของอุตสาหกรรมโลก

พิธานำทีมเศรษฐกิจพบสภาอุตสาหกรรม  รับปาก ไม่ขึ้นค่าแรง 450 บ.แบบกระชาก

อุตสาหกรรมไทยในอนาคตจำเป็นต้องมี 3F หนึ่งคือ Firm Foundation หรือพื้นฐานที่แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็น แรงงานที่มีทักษะสูง เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานที่ดี สองคือ Fair หรือความเป็นธรรม เพราะ 40 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมไทยเติบโตจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ สิ่งที่ตามมาคือความเหลื่อมล้ำ ในการพาประเทศไทยไปสู่ประเทศรายได้สูงจำเป็นที่จะต้องคิดเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำด้วย และสุดท้าย คือ Fast Growing Industry ที่ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการผลักดันการวิจัยและพัฒนา (R&D) และส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ประเทศไทยถึงแม้ไม่มีทรัพยากรเช่นโคบอลต์ นิกเกิล ที่จำเป็นในการผลิตแบตเตอรี่แบบต่างประเทศ แต่ประเทศไทยจำเป็นต้องหาช่องว่างในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ยังมีคู่แข่งน้อย เช่น การผลิตชิป ซิลิคอนคาร์ไบด์ นี่เป็นสิ่งที่ต้องร่วมมือกันทำงานทั้งภาครัฐและเอกชน



“ประเทศไทยในอนาคตต้องเติบโตด้วยการเพิ่มผลิตภาพแรงงานและเพิ่มการใช้เทคโนโลยี ให้ผลิตสิ่งที่มีมูลค่าสูง ไม่ใช่เติบโตด้วยการกดค่าแรงให้ต่ำและกดความสามารถในการแข่งขันให้ต่ำ” พิธากล่าว



ส่วนหนึ่งที่จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันได้ คือการเร่งเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป ให้สำเร็จ ซึ่งพิธากล่าวว่าการทำ MOU จัดตั้งรัฐบาลที่เกิดขึ้นคือความสำเร็จของประเทศไทยในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างสันติ ภายหลังจากที่ประเทศกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว เชื่อว่าการเจรจา FTA ไทย-อียู จะเสร็จสิ้นได้โดยเร็ว แต่ในขณะเดียวกันเมื่อดูอัตราการใช้ประโยชน์จากเขตการค้าเสรี (FTA Utilization) ก็จะเห็นว่าการใช้ประโยชน์จาก FTA ที่มีอยู่ยังใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ ภายใต้รัฐบาลใหม่การใช้ประโยชน์จาก FTA นี้จะต้องเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในการทำงานต่อไป

พิธานำทีมเศรษฐกิจพบสภาอุตสาหกรรม  รับปาก ไม่ขึ้นค่าแรง 450 บ.แบบกระชาก
.
ทั้งนี้ ในการพูดคุย สภาอุตสาหกรรมฯ ได้เสนอนโยบายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต Next-GEN Industries, นโยบายด้านพลังงาน, นโยบายด้านแรงงาน, นโยบายด้าน SME ส่วนใหญ่เห็นตรงกันกับนโยบายของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะนโยบายด้านราคาพลังงานที่มีความเป็นธรรม ซึ่งศิริกัญญากล่าวว่ามีสัญญาณที่ดีจากคณะกรรมการกำกับดูแลพลังงานที่พร้อมเปลี่ยนสูตรการจัดสรรก๊าซธรรมชาติ สามารถทำได้ทันทีที่มีรัฐบาลใหม่ จะเห็นผลในบิลค่าไฟที่ลดลงภายในเดือนมกราคม 2567
 

• ค่าแรง 450 เดินหน้าลุย แต่ไม่ขึ้นค่าแรงแบบกระชาก

ส่วนความกังวลในการปรับขึ้นค่าแรงนั้น พิธาให้คำมั่นว่าการเพิ่มผลิตภาพแรงงานต้องทำไปพร้อมกับการดูแลปากท้องของพี่น้องแรงงาน ถ้าท้องไม่อิ่มก็ไม่สามารถคิดเรื่องการเพิ่มทักษะได้ แต่นโยบายพรรคก้าวไกลเป็นการขึ้นค่าแรงพร้อมกับมาตรการช่วยเหลือภาคเอกชน การเสริมทักษะแรงงาน และมีระบบในการปรับขึ้นค่าแรงทุกปีตามสภาพเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ เพื่อให้ผลิตภาพและรายได้ของประชาชนเป็นสิ่งที่เติบโตไปด้วยกัน

สำหรับเรื่องค่าแรง ได้คุยกันในภาพรวม เรื่องการขาดแคลนแรง เรื่องไม่สอดคล้องในอุตสาหกรรม คือ อุตสาหกรรมต้องการคนมาทำงาน แต่หาคนไม่ได้ ขณะเดียวกันพบว่ามีคนเรียนจบมาแต่ไม่มีงานทำ นิยามคำว่า “อัตราการว่าง” ที่ไม่ตรงกัน รวมถึงทักษะของแรงงาน การพูดถึงค่าแรงที่เหมาะสม

ทางพรรคได้อธิบายให้ ส.อ.ท.สบายใจว่า ไม่ได้มองเหรียญเพียงด้านเดียว เพราะต้องมีการช่วยผู้ประกอบการด้วย อาทิ การลดภาษีให้ธุรกิจเอสเอ็มอี การให้ธุรกิจหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า นาน 2 ปี และมาตรการที่สมัยรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์เคยทำ คือ เพิ่มสภาพคล่องให้เอกชน

พิธานำทีมเศรษฐกิจพบสภาอุตสาหกรรม  รับปาก ไม่ขึ้นค่าแรง 450 บ.แบบกระชาก

ส่วนกรอบตัวเลขนั้น พรรคก้าวไกลยังคงไว้ที่ 450 บาท และต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งมีกรอบตัวเลขที่ต่างกัน รวมถึงหารือสภาแรงงาน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี SME  ยืนยันจะไม่ปรับขึ้นแบบกระชากระบบ โดยเห็นตรงกันว่า ต้องขึ้นตามอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ ประสิทธิภาพของแรงงาน


สุดท้าย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวกับสมาชิกสภาอุตสาหกรรมฯ ว่าความท้าทายของโลกยุคปัจจุบันคือภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำของโลก (global minimum tax) ที่จะทำให้การดึงดูดการลงทุนด้วยการใช้มาตรการทางภาษีแบบเดิม เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป การดึงดูดการลงทุนในอนาคต ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องการจูงใจทางภาษี แต่เป็นเรื่องความง่ายในการทำธุรกิจ การกิโยตินกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น การปราบคอร์รัปชัน การที่ไทยมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เป็นอันดับ 5-6 ของอาเซียน แย่กว่าฟิลิปปินส์ แย่กว่าอินโดนีเซีย เป็นเรื่องที่มีความท้าทายพอสมควร ตอนนี้เรื่องของเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข และความท้าทายทางสังคมอื่นๆ เป็นเรื่องเดียวกัน

ส่วนในขั้นต่อไปที่ตนและพรรคก้าวไกล อยากทำงานต่อกับสภาอุตสาหกรรมฯ คือการตั้งคณะทำงานรายคลัสเตอร์ โดยเอาโจทย์ของแต่ละอุตสาหกรรมที่มีความแตกต่างกันมาแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นด้านกฎหมาย เทคโนโลยี เงินทุน แรงงาน เพื่อทำงานร่วมกันต่อไปในอนาคต

related