svasdssvasds

“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นำทีมเศรษฐกิจก้าวไกล ถกหอการค้าไทย 13 ประเด็นเศรษฐกิจ

“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นำทีมเศรษฐกิจก้าวไกล ถกหอการค้าไทย 13 ประเด็นเศรษฐกิจ

หอการค้าไทย จับเข่าคุย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เคลียร์ปมเศรษฐกิจหวังตั้งรัฐบาลใหม่ราบรื่น ชง 13 ประเด็นเศรษฐกิจ หารือร่วมเร่งให้มีการจัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว แก้ปัญหาพลังงาน ช่วยเหลือเกษตร เอสเอ็มอี ชี้ไทม์ไลน์ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท ยังไร้ข้อสรุป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีมเศรษฐกิจพรรค เข้าพบ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  โดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอ 13 ประเด็นเศรษฐกิจ โดยประเด็นที่สำคัญโดยเฉพาะประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน โดยข้อมูลทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นที่ต่างกันแต่ไม่มาก เห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง แต่อัตราการขึ้นค่าแรง ระยะเวลา อาจจะต้องมีการหารือในรายละเอียดที่เหมาะสมอีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝั่งยังตั้งคณะกรรมการติดตามความคืบหน้าในทุกประเด็นที่มีการหารือ ซึ่งทั้ง 2 ก็มีการตั้งทีมขึ้นมาติดตาม ซึ่งจะมีนัดหารือกันในครั้งต่อไป โดยเฉพาะประเด็นค่าแรง ส่วนประเด็นเร่งด่วนหลังหารือนอกจากประเด็นนี้ ก็ยังมีอีก พลังงาน การดูแลภาคเกษตร และการต่อลมหายใจให้กับเอสเอ็มอี เพื่อให้ทุกฝ่ายยังคงเดินหน้าได้

“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นำทีมเศรษฐกิจก้าวไกล ถกหอการค้าไทย 13 ประเด็นเศรษฐกิจ

“หลังการหารือก็มีความสบายใจ ถึงมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความชัดเจน แต่ก็อยากให้มีการเร่งจัดตั้งรัฐบาลและมีระยะเวลาที่ชัดเจน และจากการพูดคุยก็คาดว่าภายในเดือนกันยายน 2566 จัดตั้งรัฐบาลได้ เพื่อเร่งจัดทำงบประมาณรายจ่าย เนื่องจากห่วงระยะเวลาในการการเบิกจ่ายที่จำกัด เบิกไม่ทัน ซึ่งอาจจะกระทบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมไปถึงต่างชาติก็มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนก็ได้มีการนำทีมเศรษฐกิจของพรรคมาหารือใน 13 ประเด็นเศรษฐกิจที่หอการการค้าไทยมีการนำเสนอ เช่น ปัญหาคอรัปชั่น BCG การส่งเสริมเอสเอ็มอี และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน เป็นต้น รวมทั้ง ตนก็ได้มีการอัพเดทถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงหน้าที่คณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน

ส่วนประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน ภายใน 100 วัน ภายหลังจัดตั้งรัฐบาลที่มีการหาเสียงไว้ จากการหารือกับหอการค้าไทย การขึ้นค่าแรงน่าจะมีกรอบระยะเวลาที่ใกล้เคียงกับระยะเวลาเดิม หรือขยับออกไป ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องมีการหารือตัวเลขค่าแรงที่เหมาะสมก่อน และกรณีหากมีการขึ้นค่าแรงจะกระทบต่อราคาสินค้าปรับขึ้นนั้น จากการศึกษาไม่จำเป็นเสมอไปที่ราคาสินค้าจะขึ้นจากปรับค่าแรง และการปรับขึ้นค่าแรงเปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน โดยด้านหนึ่งจะทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี รายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการขึ้นค่าแรงไปก่อนหน้านี้ 350 บาทต่อวัน เป็นการขึ้นค่าแรงเพียง 5% ขณะที่เงินเฟ้อขึ้น 8%

สำหรับการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ขึ้นอยู่กับการรับรองของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หากมีการรับรองก็จะสามารถเดินหน้าจัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และมีการเลือกประธานสภาฯ นายกรัฐมนตรี พร้อมกับจัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งต้องการให้เกิดสุญญากาศสั้นที่สุด และเดินหน้าให้เร็วที่สุด เพื่อจัดการเกี่ยวกับงบประมาณและกระตุ้นเศรษฐกิจ

และหลังจากนี้ทางพรรคก้าวไกลจะมีแผนหารือกับหลายหน่วยงาน โดยในวันจันทร์  5 มิถุนายน 2566 ตนจะนำทีมไปพบนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพ อีกทั้งยังจะมีไปหารือแลกเปลี่ยนกับภาคเอกชน เช่น  สมาคมธนาคาไทย สมาคมตลาดทุนไทย สมาคมท่องเที่ยวภูเก็ต และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒฯ)

 

 

 

 

 

related