svasdssvasds

ย้อนเหตุการณ์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสน้อย “วัชรพล ประสารราชกิจ” ปฏิเสธขึ้น ผบ.ตร.

ย้อนเหตุการณ์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสน้อย “วัชรพล ประสารราชกิจ” ปฏิเสธขึ้น ผบ.ตร.

ย้อนเหตุการณ์ ตำนานวงการตำรวจ “รอง ผบ.ตร.”อาวุโสน้อย “วัชรพล ประสารราชกิจ” ปฏิเสธขึ้น ผบ.ตร. เมื่อสมัย ปี 2552

การได้มาซึ่ง ผู้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร. คนที่ 14 แทนที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ หรือ บิ๊กเด่น นับเป็นเรื่องที่พลิกโผพลิกล็อกไม่น้อยเลย เพราะสุดท้ายแล้ว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่เวลาเกษียณอายุราชการ ปี 2567 แต่มีอาวุโสเป็นลำดับที่ 4 ในบรรดาแคนดิเดตทั้งหมดทุกคน เป็นคนเข้าวิน

ถึง ณ เวลานี้ กระแสสังคม หรือ ใครต่อใครอาจจะมีการตั้งคำถามบ้างว่า กับ ผบ.ตร. ที่อาวุโสน้อย แต่กลับได้ขึ้นรั้งตำแหน่งผู้นำตำรวจ มันถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ ? เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า การที่ "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ขึ้นเป็นผบ.ตร คนที่ 14 อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 นี้ อาจจะทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ในการแต่งตั้ง ข้าราชการระดับสูงของตำรวจ ว่า มีความเป็นธรรม มีความสง่างาม ได้ยึดหลักการตามข้อกฎหมายหรือไม่ ? 

ขณะเดียวกัน ก็มีกระแสออกมาอีกว่า เป็นการข้ามอาวุโส และเป็นข้ามหัว รองผบ.ตร. 3 คน กล่าวคือ 

1.พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เกษียณอายุราชการ ปี 2567
2.พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เกษียณอายุราชการ ปี 2574
3.พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เกษียณอายุราชการ ปี 2569

แล้วการที่ "บิ๊กต่อ" ข้ามห้วย มานั่ง ผบ.ตร. นั้น อาจนำมาสู่การฟ้องร้องตามมาตรา 78 และมาตรา 87 ได้ มาตรฐาน จริยธรรม ประเพณีการปฏิบัติของการแต่งตั้ง นายตำรวจระดับ ผบ.ตร. เคยถูกจารึกให้นายตำรวจได้

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของวงการตำรวจไทย เคยมีการ ผลักดัน รองผบ.ตร. ที่อาวุโสน้อยในบรรดาแคนดิเดต มาแล้ว , แต่ครั้งนั้น คนที่ถูกผลักดัน กลับเลือกปฏิเสธโอกาสไป

ย้อนเหตุการณ์ ตำนานวงการตำรวจ  “รอง ผบ.ตร.”อาวุโสน้อย “วัชรพล ประสารราชกิจ” ปฏิเสธขึ้น ผบ.ตร.

บิ๊กกุ้ย” รอง ผบ.ตร. ผู้ปฏิเสธตำแหน่งนายใหญ่ตำรวจ

ย้อนเข็มนาฬิกา กลับไปใน ปี พ.ศ. 2552 หลังจากช่วงเวลาที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ (ปัจจุบันเป็นรองนายกฯ และ รมว. ทรัพยากรฯ ในรัฐบาลเศรษษฐา) เกษียณอายุราชการไป ในวันที่ 30 กันยายน 2552 ที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่มี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ณ เวลานั้น ไม่สามารถสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ ถึง 2 ครั้ง 2 ครา แต่มี รองผบ.ตร.อาวุโสน้อยสุด ปฏิเสธไม่ขอรับตำแหน่ง

ในช่วงนั้นมี รอง ผบ.ตร. หลายคนที่มีความรู้ ความสามารถที่แตกต่างกันไป จนมีข่าวว่ามีการเจรจาเพื่อพิจารณาแต่งตั้ง พล.ต.อ.ดร.วัชรพล ประสารราชกิจ หรือ "บิ๊กกุ้ย” รอง ผบ.ตร. นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 29, ปริญญาโทด้านการบริหารงานกระบวนการยุติธรรมจากมหาวิทยาลัย และ ปริญญาเอก ด้านอาชญาวิทยา จากมหาวิทยาลัยฟลอริดาสเตต สหรัฐฯ ที่มีภาพความเป็นนักวิชาการ มาดำรงตำแหน่งคนต่อไป เพื่อผ่าทางตันกับเรื่องที่เกิดขึ้นในการหา "นายใหญ่" แห่งวงการตำรวจ ณ ตอนนั้น 

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ดร.วัชรพล ประสารราชกิจ หรือ "บิ๊กกุ้ย” กลับเลือกปฏิเสธโอกาสดังกล่าวทิ้งไป

โดย พล.ต.อ.ดร.วัชรพล ประสารราชกิจ ให้เหตุผลว่า เขาเป็น รอง ผบ.ตร. ที่มีคุณสมบัติในการสืบสวน ปราบปราม และงานโรงพัก น้อยที่สุด มีอาวุโสในการดำรงตำแหน่งตั้งแต่ “ผบก.- ผบช - ผช.ผบ.ตร. - รองผบ.ตร.” น้อยที่สุด ในบรรดา “รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” ที่เป็นแคนดิเดตรุ่นพี่ในขณะนั้น

อีกทั้งตัวเองเป็น รองผบ.ตร. ในวัยแค่ 55 ปี ยังมีอายุราชการเหลืออีกยาวนานถึง 5 ปี จึงอยากให้ รองผบ.ตร. ท่านอื่นๆ ที่เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการ การสืบสวนปราบปราบ มาทำหน้าที่ในสถานการความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรง

นายกฯอภิสิทธิ์ แห่ง ประชาธิปัตย์ ณ ตอนนั้น จึงมีการ แต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี มารักษาราชการผบ.ตร. ขัดตาทัพไว้สอง 2 ครั้ง 2 ครา ช่วงแรก  พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี  นั่งรักษาการ ผบ.ตร. คือ วันที่ 4 สิงหาคม 2552 – 10 สิงหาคม  2552 และช่วงที่สองวันที่ 12 สิงหาคม 2552- 18 สิงหาคม  2552 

ณ ห้วงเวลานั้น ประเทศไทยไม่มี ผบ.ตร. ตัวจริง  ปมนี้แก้เท่าไรก็ยังไม่คลาย

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี  

โดยในเวลาต่อมาก็ยังแต่งตั้ง ผบ.ตร. ไม่ได้ เนื่องจากเป็นสถานการณ์พิเศษในเรื่อง “พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย” จึงมีการตั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาราชการ ผบ.ตร. ระหว่างวันที่ 9 กันยายน 2552 – 30 กันยายน 2552

ในเวลาเดียวกัน การแต่งตั้ง ผบ.ตร. ช่วงปลายปี 2552 ก็ยืดเยื้อต่อไป จน นายอภิสิทธิ์ ต้องตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการ ผบ.ตร.อย่างกะทันหัน 2 รอบ เพราะตกลงกันไม่ได้ว่า จะหาใครมาแทนที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (9) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และมาตรา 72 (1) แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 จนกระทั่งพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2552

ในปี พ.ศ. 2552 พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เป็นประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีเกิดเหตุวุ่นวายที่ประชุมอาเซียนซัมมิต ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี 

พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อยู่ในตำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อย่างยาวนาน เป็นระยะเวลาถึงเกือบ 1 ปี จนกระทั่งถึงวันที่ 6 กันยายน  2553 จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ตัวจริงสักที

สปิริตเลือดตำรวจ และ หัวจิตหัวใจ จากการปฏิเสธการถูกเสนอชื่อเข้ารับตำแหน่งของ พล.ต.อ.ดร.วัชรพล ประสารราชกิจ หรือ "บิ๊กกุ้ย” ยังถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การแต่งตั้ง ผบ.ตร. ครั้งหนึ่ง

ย้อนเหตุการณ์ ตำนานวงการตำรวจ  “รอง ผบ.ตร.”อาวุโสน้อย “วัชรพล ประสารราชกิจ” ปฏิเสธขึ้น ผบ.ตร.

ย้อนเหตุการณ์ ตำนานวงการตำรวจ  “รอง ผบ.ตร.”อาวุโสน้อย “วัชรพล ประสารราชกิจ” ปฏิเสธขึ้น ผบ.ตร.
•ไม่ใช่ว่า พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ หรือ "บิ๊กกุ้ย” จะไร้ฝีมือ

เพราะที่จริงแล้ว เส้นทางชีวิตของตำรวจของ "บิ๊กกุ้ย” ก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

พล.ต.อ.ดร.วัชรพล ประสารราชกิจ เริ่มต้นเส้นทางชีวิตตำรวจ รับราชการครั้งแรกในตำแหน่งผู้ช่วยนายเวรรองอธิบดีกรมตำรวจ ฝ่ายกิจการพิเศษ ติดยศว่าที่ร้อยตำรวจตรี (ร.ต.ต.) เป็นรองสารวัตรปราบปราม (รอง สวป.) สถานีตำรวจนครบาลพญาไท เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2528 

จากนั้น พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ เลื่อนตำแหน่งและได้ใกล้ชิดกับการเมืองมากขึ้น ด้วยการเป็น “นายเวรอธิบดีกรมตำรวจ (พล.ต.อ.เภา สารสิน)” และผู้ช่วยนายเวร อธิบดีกรมตำรวจ จากนั้นได้เปลี่ยนมาทำหน้าที่ดูแลด้านปราบปรามยาเสพติด 

ต่อมา พล.ต.อ.ดร.วัชรพล กลับเข้ามาสู่การเมืองอีกครั้ง ด้วยการเป็น “รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง” ในสมัยรัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน เมื่อปี 2534

จากนั้นก็ได้กลับไปสู่หน้าที่ เป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติดและกิจการต่างประเทศอีกครั้ง จนกระทั่งได้ขึ้นเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด” เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2546 ใช้เวลา 18 ปี ในการไต่เต้าถึงชั้นยศ พล.ต.ท.

หลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่  อดีตนายกฯทักษิณ โดนรัฐประหาร  ,พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านกิจการพิเศษ

ในต้นปี 2552 ได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แทนที่ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้วยเหตุผลว่ามีความเป็นนักวิชาการมากกว่า 

ในต้นปี 2552 ได้รับเลื่อนยศเป็น พลตำรวจเอก (พล.ต.อ.) และดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ตำแหน่งสุดท้ายในชีวิตนายตำรวจ ของ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ คือ รักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ 24 พฤษภาคม 2557 ยาวถึง 30 กันยายน 2557 ก่อนจะเสนอชื่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง รองผบ.ตร.ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ในยุค พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รองนายกฯ และรมว.กลาโหม 

ปัจจุบัน พล.ต.อ.วัชรพล ได้รับการแต่งตั้งเป็น ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) มาตั้งแต่ปลายปี 2558  และนี่ถือเป็นหนึ่งบุคคลที่ถูกจารึกไว้ในวงการตำรวจว่า เป็นผู้ที่อาสุโวน้อย และมีสิทธิ์ขึ้นเป็น ผบ.ตร. แต่ก็เลือกที่จะ ปฏิเสธตำแหน่งนี้ไป

ที่มา thansettakij

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related