SHORT CUT
ในอนาคต คุณจะให้ใครสอนศาสนาพุทธให้ ? ระหว่าง ‘AI ไร้มลทิน’ ที่แตกฉานในพระไตรปิฎก หรือ ‘พระปุถุชนธรรมดา’ ที่ไม่ได้ขาวสะอาด แต่เป็นมนุษย์ !
ในยุคแห่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ไม่มีวันหยุดยั้ง โลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในทุกมิติของชีวิต ตั้งแต่เศรษฐกิจ สังคม ไปจนถึงวัฒนธรรมและความเชื่อต่างๆ
ศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นหนึ่งในศาสนาที่มีรากฐานจากความสงบและปัญญา อาจดูเหมือนอยู่ห่างไกลจากกระแสเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่แท้จริงแล้ว พุทธศาสนาเองก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ เช่น ‘ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ’ ได้
ซีรีส์ดราม่า-ไซไฟแห่งปี ‘อนาฅต’ ผลงานคนไทย ที่ได้เปิดให้รับชมแล้วบน Netflix ตอนนี้ ได้ตั้งคำถามถึงเรื่องดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ โดยตอนหนึ่งที่มีชื่อว่า ศาสดาต้า (Buddha Data) มีการชวนให้เราเกิดความสงสัยว่า เมื่อ AI เป็นที่ปรึกษาธรรมะได้ยอดเยี่ยม แถมพกติดตัวไปไหนก็ได้ แล้วเราจะยังมี ‘พระ’ ไว้สอนศาสนาอยู่ทำไม ?
‘อนาฅต’ เล่าเรื่องของ ‘โลกอนาคต’ ที่ตอนนั้นเมืองชาวพุทธในเมืองไทยส่วนใหญ่ ไม่ได้กราบไหว้พระ หรือเน้นมาปฏิบัติธรรมที่วัดอีกแล้ว แต่ชาวพุทธกลับไปศรัทธาปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกว่า ULTRA อุปกรณ์ AI แบบพกพาที่หน้าที่เหมือนไลฟ์โค้ชสอนธรรมะให้กับทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา จึงทำให้ ‘วัด’ และ ‘พระสงฆ์’ ถูกลดบทบาทลง เป็นเหมือนกลุ่มที่ใกล้สูญพันธุ์ ไม่ได้เป็นที่พึงทางใจของสังคมเหมือนในอดีตอีกต่อไป
ที่มาของโครงการ ULTRA เริ่มจากความต้องการกอบกู้ศาสนาพุทธ ‘นีโอ (รับบทโดย เอม ถาวรศิริ) ’ ซีอีโอหนุ่มมาดน่าเลื่อมใส เพราะเขามองว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ศาสนาพุทธถูกมองในแง่ลบ คือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์และสถาบันบางกลุ่มที่ทำพุทธศาสนาต้องมัวหมอง
แต่นีโอก็ยังมองว่าศาสนาเป็นสิ่งจำเป็น จึงสร้างทางเลือกใหม่ขึ้นมา ภายใต้แนวคิดผู้ที่จะมาสอนธรรมะจะต้องเป็นตัวแทนของพระธรรมโดยสมบูรณ์อย่างที่ศาสนาควรจะเป็น จึงกลายมาเป็น ULTRA ที่จดจำพระไตรปิฎกได้ทั้ง 84,000 ข้อ ประมวลผลอย่างรวดเร็ว แม่นยำ และมันยังเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องใช้ข้อมูลขอมนุษย์แม้แต่น้อย หรือพูดให้ชัดคือ มันเป็นผู้สอนศาสนาที่บริสุทธิ์ ไร้มลทิน จึงเป็นภูมิปัญญาที่ใกล้เคียงพระพุทธเจ้ามากที่สุดนั่นเอง
ยิ่งไปกว่านั้น ULTRA ยังมาพร้อมกับระบบ ‘ทำบุญชาตินี้ ต้องได้ใช้ชาตินี้’ ที่สามารถให้แต้มบุญผู้ที่ทำดี ไม่ว่าจะเล็กน้อยอย่างทิ้งขยะให้ถูกถัง หรือ ให้อาหารคนยากไร้ แต่ถ้าทำให้มันเห็น ULTRA ก็จะคำนวณแต้มบุญออกมาเป็นตัวเลข ซึ่งผู้ใช้ยังเอาไปเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าต่างๆ ได้ เหมือนกับคะแนนส่วนลดจากบัตรเครดิตเลยทีเดียว
การที่ ULTRA เป็นทั้งผู้สอนธรรมะที่สมบูรณ์แบบ และทำให้เราเห็นผลบุญในชาตินี้ ทำให้คนในสังคมตั้งทุกระดับใช้มันกันอย่างบ้างคลั่ง จนเกิดเป็นปรากฏการณ์แย่งกันเป็นคนดีไปทั่ว
ในขณะเดียวกัน อีกตัวละครหนึ่ง ไม่ได้ คือ ‘พระอเนก (รับบทโดย เร แม๊คโดแนลด์) ’ อดีตวิศวกรไอทีบริษัทดังที่ยังคง เชื่อมั่นในศาสนาวิถีเดิม และเริ่มทนไม่ไหว ที่ต้องมาเห็นความเสื่อมถอยของศาสนาพุทธ ที่เกิดจากความคลั่ง ULTRA ทำให้เขาตัดสินใจ ร่วมมือกับ อดีตเพื่อนร่วมงานรุ่นน้อง ‘อะตอม (รับบทโดย เผือก-พงศธร จงวิลาส) ’ เพื่อสร้าง AI สอนธรรมะ ขึ้นมาแข่งกับ ULTRA
พระอเนกต้องการสร้าง AI ที่ยังคงใกล้เคียงกับพุทธศาสนาดั้งเดิม ตั้งแต่ ตัวโมเดลก็ใช้เป็นพระพุทธรูป ส่วนเสียงและภาพก็ใช้ต้นแบบจากเจ้าอาวาสของวัดตัวเอง แถมเมื่อใช้งานก็จะมี แต้มจิตตะเป็นรางวัล และชื่อก็ยังตั้งว่า IBUDDA เพื่อให้คนรู้สึกใกล้ชิดกับพระพุทธเจ้ามากที่สุด จนทำให้หลังเปิดตัว IBUDDA จึงได้รับความนิยม และเป็นคู่แข่งรายใหญ่ของ ULTRA ให้อีกด้วย
ตลอดทั้งเรื่องกว่า 1 ชั่วโมง ศาสดาต้า เต็มไปด้วยการตั้งคำถามถึงธรรมะ การทำบุญ และการเป็นพระคืออะไร ซึ่งหนังก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ถูกต้องแบบตรงๆ แต่เหมือนบอกอ้อมๆ ว่า ต่อให้เทคโนโลยีจะเข้ามาทำแทนมนุษย์ได้ทุกอย่าง แต่ มนุษย์ก็ยังต้องการมนุษย์ด้วยกัน เพื่อมีปฏิสัมพันธ์เชิงจิตวิญญาณต่อกัน
เมื่อดูจบเราจะเห็นว่า ทั้ง BUDDA และ ULTRA ต่างก็มีข้อเสีย เพราะต่อให้ AI จะมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว แต่การสอนธรรมะไม่ได้เป็นเพียงการถ่ายทอดข้อมูลหรือข้อธรรมะอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น ธรรมะต้องอาศัยการตีความและการประยุกต์ใช้ในบริบทของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ยังไม่สามารถทำได้อย่างลึกซึ้งเหมือนมนุษย์
ในทางกลับกัน แม้พระปุถุชนธรรมดา จะเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง เคยทำผิดพลาด อาจจำพระไตรปิฎกไม่ได้ทั้ง 84,000 ข้อ แต่เพราะพวกเขาเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นมนุษย์ที่เคยหลงผิดไม่ต่างจากเรา และบนโลกนี้คงไม่มีใครเข้าใจธรรมะได้เท่าคนที่เคยทำผิดพลาด แต่สามารถกลับตัวกลับใจได้ เพราะมนุษย์เราไม่ใช่สิ่งที่สมบูรณ์แบบมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
สุดท้าย ธรรมะ ก็เป็นเรื่องของแต่ละคนจะตีความ และปรับให้เข้ากับชีวิตตัวเอง ไม่ใช่สิ่งที่ถูกหรือผิดชัดเจน แต่สาระสำคัญคือ โลกนี้เราควรมีเพื่อนมนุษย์ที่เป็นที่ถึงทางจิตใจของเราได้ ซึ่งจะช่วยให้เราได้รับคำแนะนำที่จริงใจ อบอุ่น และเมตตา ในแบบที่ AI ทำไม่ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง