ทำความรู้จัก ปราสาทตาเมือนธม, ตาเมือนโต๊ด, ปราสาทตาควาย และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต คำถามสำคัญคือ — สถานที่เหล่านี้คืออะไร ? ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก?
ตั้งอยู่ในอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทตาเมือนธมเป็นปราสาทหินขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มปราสาทตาเมือน สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระศิวะตามคติศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ความพิเศษคือปราสาทตั้งคร่อม “ศิวลึงค์ธรรมชาติ” ที่เชื่อว่าเป็น “สวยัมภูลึงค์” หรือศิวลึงค์ที่เกิดขึ้นเอง ซึ่งสะท้อนถึงความศักดิ์สิทธิ์เหนือมนุษย์
รายละเอียดสถาปัตยกรรม เช่น ซุ้มประตูทั้ง 4 ทิศ ทับหลังที่แกะสลักเทวดา และมณฑลสำหรับประกอบพิธีกรรม ชี้ให้เห็นว่าที่นี่ไม่ได้เป็นแค่สถาปัตยกรรม แต่คือศูนย์กลางของความศรัทธาและอำนาจทางจิตวิญญาณในยุคขอมโบราณ
ห่างจากปราสาทตาเมือนธมเพียง 750 เมตร ปราสาทตาเมือนโต๊ดมีขนาดเล็กกว่า แต่มีบทบาทสำคัญในฐานะ “อโรคยาศาล” หรือสถานพยาบาลริมเส้นทางสายขอมโบราณที่เชื่อมระหว่างนครวัดกับพิมาย
สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ตัวปราสาทสะท้อนแนวคิดการปกครองแบบอิงคุณธรรม — ให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลบนเส้นทางแสวงบุญ โบราณสถานแห่งนี้จึงไม่ใช่แค่สิ่งปลูกสร้าง หากแต่เป็นตัวแทนของสวัสดิการยุคแรกในอุษาคเนย์
3. ปราสาทตาควาย: ปริศนาจากช่องเขา
น้อยคนนักจะรู้จักปราสาทตาควาย — ปราสาทขนาดเล็กบนช่องเขาตาควาย ไม่พบศิลาจารึก ไม่มีข้อมูลชัดเจน แต่ภายในมีแท่งหินคล้ายศิวลึงค์ วางอยู่ในห้องครรภคฤหะ สะท้อนความเชื่อแบบเดียวกับปราสาทตาเมือนธม
สันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 16-18 ตามแบบแผนขอมโบราณ และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ศรัทธาทางศาสนาและการเมืองในอดีตหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
เมื่อพรมแดนกลายเป็นสมรภูมิความทรงจำ
ปราสาทเหล่านี้ตั้งอยู่บน “เทือกเขาพนมดงรัก” ซึ่งปัจจุบันเป็นแนวแบ่งเขตแดนระหว่างไทย–กัมพูชา สิ่งที่เคยเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณ กลับถูกตีกรอบด้วยเส้นเขตแดนสมัยใหม่
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งพื้นที่ที่ทางประเทศกัมพูชา ที่ต้องการนำไปฟ้องต่อศาลโลก นั่นคือ สามเหลี่ยมมรกต
-รอยต่อชายแดน 3 ชาติ พรมแดนไม่ชัดเจน
-อยู่ในป่าเขาพนมดงรักและภูจองนายอย
-พื้นที่ประมาณ 12 ตร.กม.
-“ช่องบก” พื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน และ เป็นจุดล่าสุด ที่ไทยปะทะกับกัมพูชาตั้งแต่ช่วงปลายเดือน พ.ค. 2568
- สมรภูมิสู้รบประวัติศาสตร์อธิปไตยไทย
การฟ้องร้องต่อศาลโลกจึงไม่ใช่แค่เรื่องดินแดน - แต่มันสะท้อนคำถามที่ลึกกว่านั้นว่า เราควรให้ความสำคัญกับเส้นพรมแดน หรือมรดกของมนุษยชาติที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ร่วมกัน?
เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าฝั่งไหนจะถือครองพื้นที่ - ปราสาทเหล่านี้ก็คือบทกวีแห่งหินที่เล่าขานศรัทธาเก่าแก่ของมนุษย์ ที่สมควรได้รับการดูแล... ไม่ใช่ถูกแย่งชิง
ที่มา : silpa-mag tourismthailand sac.or.th