SHORT CUT
โค้ชชื่อดังแนะ Gen Z รีบลงทุนเวลาให้ตัวเองวันละไม่กี่ชั่วโมง เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่มหาศาล และความสำเร็จที่ยั่งยืน
หากคุณกำลังมองหานิสัยดี ๆ ที่เปลี่ยนชีวิตได้จริง ลองดูสิ่งที่ผู้นำระดับโลกอย่าง บิล เกตส์ (Bill Gates) ทำเป็นกิจวัตร นั่นคือ “การลงทุนในศักยภาพของตัวเอง”
ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน ไม่ใช่สูตรลับ แต่เป็นสิ่งง่าย ๆ ที่คนส่วนใหญ่มองข้าม ขณะที่คนสำเร็จระดับท็อปกลับจริงจังกับมันทุกวัน
หนึ่งในคนที่รู้ดีที่ยืนยันเรื่องนี้คือ บิล ฮูกเตอร์ป (Bill Hoogterp) โค้ชอาชีพระดับ Fortune 500 ผู้เคยให้คำปรึกษากับผู้บริหารระดับสูงหลายพันคน เขาพบว่าเกือบทุกคนที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ล้วนมีสิ่งหนึ่งเหมือนกัน: พวกเขา “ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง”
เขายกตัวอย่างง่าย ๆ ว่า ถ้าคุณมีเงินก้อนหนึ่งตอนเริ่มต้นชีวิตทำงาน คุณมีสองทางเลือก: เก็บไว้เฉย ๆ ใต้หมอน หรือเอาไปลงทุนให้มันงอกเงย ซึ่งเขาเปรียบเทียบสิ่งนี้กับ “เวลา” และ “ความสามารถ” ของเราเพราะถ้าเรายอมลงทุนกับตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ มันจะกลายเป็นผลตอบแทนมหาศาลในอนาคต
จากแนวคิดนั้น บิล ฮูกเตอร์ป เสนอให้เราหักเวลาแค่ 10% ของการทำงานในแต่ละสัปดาห์ มาใช้พัฒนาตัวเองอย่างจริงจัง “ถ้าทำงาน 40-50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ก็ให้เวลาตัวเองสัก 4-5 ชั่วโมงเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ ดู TED Talk เข้าเวิร์กช็อป หรือเรียนออนไลน์ก็ได้ ขอแค่ทำอย่างต่อเนื่อง”
และเมื่อทำไปเรื่อย ๆ เขาบอกว่าผลลัพธ์จะทบต้น เหมือนดอกเบี้ยที่งอกเงยตามกาลเวลา คนที่ใส่ใจกับการพัฒนาตัวเองจะก้าวหน้าอย่างไม่รู้ตัว ขณะที่คนอีกกลุ่ม แม้จะฉลาดหรือขยันไม่ต่างกัน กลับย่ำอยู่กับที่ เพราะไม่ได้ลงทุนอะไรกับศักยภาพของตัวเองเลย
ตัวอย่างที่ชัดที่สุดก็คือ บิล เกตส์ ผู้ซึ่งยอมเว้นเวลาในตารางชีวิตที่แน่นเอี๊ยด เพื่อ "อ่านหนังสือ" อย่างจริงจัง เขาเคยเล่าว่ามีหนังสือมากมายที่อยากอ่านแต่ไม่มีเวลา จนวันหนึ่งเขาตัดสินใจปิดทุกอย่าง เดินทางไปอยู่ที่กระท่อมเงียบ ๆ และใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มเพื่ออ่านหนังสือล้วน ๆ ประสบการณ์นั้นเปลี่ยนชีวิตเขาเลยทีเดียว
จากหนึ่งสัปดาห์นั้น ปัจจุบันกลายเป็นกิจวัตรประจำปีของ Gates ที่เขาจะจัดเวลา 2 สัปดาห์เต็มในแต่ละปี เพื่ออ่านหนังสืออย่างเดียว และไม่ใช่เขาคนเดียว ผู้นำระดับโลกอีกมากมายก็ทำแบบเดียวกัน เพราะพวกเขารู้ว่า "ความเงียบและการเรียนรู้" คือการเติมพลังให้สมองอย่างแท้จริง
เขาอธิบายว่า การอ่านช่วยให้เราจำข้อมูลได้มากกว่าการฟังถึง 31% เพราะเป็นการประมวลผลเชิงรุก สมองต้องทำงานมากกว่า ในขณะที่การฟังหรือดูวิดีโอเป็นการรับสารแบบเชิงรับที่ไม่กระตุ้นการคิดลึกเท่า
นอกจากอ่านแล้ว เขายังแนะนำให้ “จดโน้ต” ขีดเส้นใต้ หรือเขียนความคิดลงในขอบหนังสือเหมือนตอนเรียนหนังสือ เพราะสมองจะจดจำภาพการเขียน และเชื่อมโยงกับเนื้อหานั้นได้ดีขึ้นอีกหลายเท่า
แต่ถ้าใครยังรู้สึกว่า "ทำเองไม่ไหว" หรือ "ขี้เกียจอ่านคนเดียว" เขาก็มีทางเลือกให้อีกอย่าง: ลองเข้าชมรมหนังสือ การได้อ่านหนังสือร่วมกับผู้อื่น ช่วยกระตุ้นให้เราอ่านอย่างสม่ำเสมอ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ถกเนื้อหา และคิดต่อยอดจากมุมมองของคนอื่น
ไม่ว่าคุณจะเป็น CEO หรือพนักงานใหม่ ความแตกต่างที่แท้จริงคือ "ใครกล้าให้เวลากับตัวเองก่อน" และหากคุณเริ่มตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรหยุดความเติบโตของคุณได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง