
SHORT CUT
โลกเสี่ยงเผชิญ “อักษะใหม่” รัสเซีย–จีน–อิหร่าน–เกาหลีเหนือ ร่วมมือแนบแน่นยิ่งกว่าอักษะยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 นักประวัติศาสตร์สหรัฐฯ เตือน 1–3 ปีนี้คือช่วงอันตราย
การผนึกกำลังของรัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนใหม่ต่อระเบียบโลก เริ่มปรากฏสัญญาณของ “กลุ่มอักษะใหม่” (New Axis) ที่มีลักษณะคล้ายกับกลุ่มอักษะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
หากในอดีต เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่นคือศูนย์กลางของการเผชิญหน้ากับฝ่ายสัมพันธมิตร ปัจจุบันกลับเป็น รัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ที่กำลังจับมือกันแนบแน่นยิ่งกว่าที่กลุ่มอักษะยุค 1930 เคยทำ
มุมมองนี้มาจาก ฟิลิป เซลิคาว (Philip Zelikow) นักประวัติศาสตร์และอดีตนักการทูตสหรัฐฯ เขาได้เขียนบทความวิเคราะห์ที่ชื่อ Texas National Security Review โดยระบุว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรกำลังเผชิญกับ “กลุ่มคู่แข่งที่ทรงพลังและมีเป้าหมายชัดเจน”
หลังจากรัสเซียบุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ประเทศเหล่านี้ได้เพิ่มความร่วมมือกันอย่างเป็นรูปธรรม ไม่เพียงด้านการทหาร แต่ยังรวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการแลกเปลี่ยนทรัพยากร ซึ่งทำให้พวกเขากลายเป็นแนวร่วมที่น่าเกรงขา
เซลิคาวเปรียบเทียบว่า นี่เป็น ครั้งที่ 3 ที่สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญสถานการณ์เช่นนี้ในประวัติศาสตร์
 
        
สิ่งที่ทำให้สถานการณ์นี้น่ากังวลคือ ในอดีต กลุ่มอักษะต้องใช้เวลานานกว่าจะรวมตัวกันแน่นแฟ้น แต่ในปัจจุบัน “อักษะใหม่” กลับก้าวไปไกลกว่า มีการแบ่งปันทรัพยากรและเทคโนโลยีด้านกลาโหมตั้งแต่เนิ่น ๆ และร่วมมือกันต่อเนื่องยาวนานกว่าเดิม
แม้นักวิเคราะห์จะประเมินว่าความเป็นไปได้ของสงครามโลกครั้งใหม่อยู่ที่ 20–30% แต่เขาเตือนว่า ตัวเลขดังกล่าวไม่ควรถูกตีความว่า “ปลอดภัย” เพราะเป็นตัวเลขที่สูงพอจะเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเมื่อผู้นำประเทศฝ่ายตรงข้ามอาจมองเห็น “โอกาสทางประวัติศาสตร์” จากความไม่พร้อมของตะวันตก ทั้งด้านกองทัพและเจตจำนงทางการเมือง
เขาย้ำด้วยว่า ผลลัพธ์ของสงครามยูเครนจะมีอิทธิพลโดยตรงต่อทิศทางของประวัติศาสตร์โลก เช่นเดียวกับเหตุการณ์ในอดีตที่ผู้นำฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนท่าทีอย่างฉับพลันตามความสำเร็จหรือความล้มเหลวในสมรภูมิอื่น ๆ หากยูเครนพ่ายแพ้หรือพันธมิตรแสดงความลังเล อักษะใหม่ก็อาจตีความว่านี่คือโอกาสในการสั่นคลอนระเบียบโลกที่สหรัฐฯ ครองมาเกือบศตวรรษ
ถึงกระนั้น เซลิคาวยังเห็นแสงแห่งความหวังในระยะยาว เพราะสหรัฐฯ และพันธมิตรยังมีพื้นฐานที่แข็งแรง ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสังคม สิ่งเหล่านี้คือข้อได้เปรียบที่ทำให้ฝ่ายตะวันตกสามารถรักษาความมั่นคงในที่สุดได้ หากสามารถจัดการกับช่วงเวลาที่เปราะบางตรงหน้าได้อย่างชาญฉลาด
แต่ อีก 1–3 ปีข้างหน้าถือเป็นช่วงเสี่ยงที่สุด หากอักษะใหม่เห็นว่าตะวันตกอ่อนแอและลังเล นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการท้าทายอำนาจโลกและอาจนำไปสู่สงครามใหญ่ในที่สุด
ที่มา :tnsr
ข่าวที่เกี่ยวข้อง