SHORT CUT
“เมื่อวัยชราไม่ได้ขึ้นกับตัวเลข: วิทยาศาสตร์เปิดเผยความจริงใหม่ว่าการแก่ตัวเริ่มช้ากว่าที่เราคิด และขึ้นกับพันธุกรรม สุขภาพ และทัศนคติมากกว่าปีเกิด”
“อายุ” ในความหมายดั้งเดิมมักถูกวัดตามจำนวนปีที่ผ่านมานับตั้งแต่วันเกิด หรือที่เรียกว่า อายุเชิงเวลา (chronological age) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ชัดเจนและวัดได้ง่าย แต่จากงานวิจัยล่าสุด มีเสียงว่าอายุเชิงเวลานั้นไม่เพียงพอที่จะสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและสมรรถภาพของแต่ละบุคคลได้ แม้ว่าคนสองคนอาจมีอายุ 65 ปีเท่ากัน แต่หนึ่งคนอาจยังแข็งแรง คล่องแคล่ว และใส่ใจสุขภาพได้ดี ในขณะที่อีกคนหนึ่งอาจมีโรคเรื้อรังหรือปัญหาทางร่างกายหลายอย่างแล้ว
งานวิจัยชี้ว่า หากวัดด้วยอายุชีวภาพ (biological age) จะเป็นการดูว่า ร่างกายเราสึกหรอไปแค่ไหนแล้ว ไม่ใช่แค่ว่าเราเกิดมากี่ปี ตัวอย่างเช่น คนอายุ 60 ปีสองคนอาจไม่เหมือนกันเลย คนหนึ่งยังแข็งแรง ออกกำลังกายได้ดี ไม่มีโรคประจำตัว ในขณะที่อีกคนอาจป่วยบ่อยและร่างกายเสื่อมเร็วกว่า ดังนั้น “อายุชีวภาพ” เหมือนเป็นการบอกว่า ร่างกายเราจริง ๆ แก่แค่ไหน ซึ่งบางครั้งไม่ตรงกับอายุจริงที่อยู่ในบัตรประชาชน”
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Psychology and Aging ของทีมจาก Humboldt University, เยอรมนี ใช้ข้อมูลจาก German Ageing Survey (1996–2021) ที่สำรวจกลุ่มคนอายุ 40–100 ปี พบว่า คนรุ่นหลังมักมองว่าวัยชราเริ่มช้ากว่าคนรุ่นก่อน เช่น ผู้ที่เกิดในปี 1911 เมื่ออายุ 65 ปี จะบอกว่าวัยชราเริ่มราวอายุ 71 ปี ขณะที่คนเกิดปี 1956 เมื่ออายุ 65 ปี มองว่าวัยชราเริ่มช้ากว่านั้นที่ราว 74 ปี งานวิจัยนี้สะท้อนว่า “ความชรา” ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยตัวเลขตายตัว แต่เลื่อนออกไปตามการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสุขภาพ
นอกจากมุมมองทางสังคมแล้ว ปัจจัยด้านชีววิทยาก็มีผลสำคัญ งานวิจัยของ Buck Institute for Research on Aging ชี้ว่า พันธุกรรมอาจทำให้บางคนแก่ช้ากว่าคนอื่น เพราะร่างกายมีระบบซ่อมแซมเซลล์หรือภูมิคุ้มกันที่มีประสิทธิภาพมากกว่า แต่สิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็มีบทบาทอย่างมาก การกินอาหารที่เหมาะสม การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การนอนหลับเพียงพอ และการจัดการความเครียดสามารถชะลอความเสื่อมของร่างกายได้จริง
อีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือทัศนคติที่เรามีต่อความแก่ หากใครเชื่อว่า “แก่แล้วทำอะไรไม่ได้” ก็มักจะหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ช่วยคงความแข็งแรง ซึ่งทำให้สุขภาพยิ่งถดถอยลง ตรงกันข้าม ในสังคมที่ให้คุณค่ากับผู้สูงวัย มองว่าเป็นผู้มีประสบการณ์และภูมิปัญญา ผู้สูงอายุในสังคมนั้นมักจะมีสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด การลดอคติเรื่องอายุ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนเรามีชีวิตที่ดีขึ้นแม้เมื่ออายุมาก
ทั้งหมดนี้ทำให้เราเห็นชัดเจนว่า “วัยชรา” ไม่ได้เกิดขึ้นตามตัวเลขใดตัวเลขหนึ่ง แต่เป็นผลรวมของพันธุกรรม การใช้ชีวิต และทัศนคติของเราเอง การดูแลสุขภาพกายใจตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการชะลอความเสื่อมและทำให้การมีอายุยืนไม่ใช่แค่การอยู่ได้นานขึ้น แต่ยังหมายถึงการมีชีวิตที่ดีและมีคุณค่าในทุก ๆ วันด้วย
ที่มา : nationalgeographic
ข่าวที่เกี่ยวข้อง