เคยสงสัยไหมว่าเมืองมีกลิ่นแบบไหน? ชวนสำรวจ “แผนที่กลิ่น” ที่ใช้จมูกนำทางไปในทุกซอกมุมของเมืองใหญ่ เผยเรื่องราวและปัญหาที่ซ่อนอยู่ในอากาศรอบตัวเรา
เคยมีคำกล่าวถึงมนุษย์ยุคใหม่ว่า “ประสาทการรับรู้ผ่านการดมของเรานั้นยอดเยี่ยม แต่เราหลงลืมวิธีใช้ไปแล้ว”
เดิมนั้น การดมกลิ่นมีความสำคัญมาก เพราะมนุษย์ในอดีตต้องใช้การดมกลิ่นเพื่อความอยู่รอด ไม่ว่าจะเป็นการหาอาหาร การหลีกเลี่ยงอันตราย หรือแม้แต่การดมกลิ่นเพื่อรับรู้สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัว แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไปสู่ยุคเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม ‘การดมกลิ่น’ ก็ถูกลดความสำคัญลงไป
ตัดกลับมาในยุคปัจจุบัน ในยุคที่มนุษย์อยู่รวมกันในเมืองใหญ่ แม้การดมกลิ่นของเราจะแย่ลงจากอดีตไปมาก แต่ก็ใช่ว่าใช้การไม่ได้เลย กลิ่นยังคงเป็นส่วนสำคัญที่สร้าง "อารมณ์" และ "ความทรงจำ" ให้กับเรา เช่นถ้าเราถามคุณว่าตอนเช้าไปทำงาน คุณจะได้กลิ่นอะไร กลิ่นกาแฟยามเช้า กลิ่นท่อไอเสียจากรถเมล์ บางคนอาจได้กลิ่นคลองแสนแสบ เป็นต้น
แล้วมันสำคัญยังไงกับการรู้ว่าพื้นที่ตรงไหนมีกลิ่นอะไร ก็ใช่ เว้นเสียแต่ว่าถ้าเราบันทึกไว้ผ่านสิ่งที่เรียกว่า ‘แผนที่กลิ่น’ (smellscape) เมื่อมีการบันทึกไว้ เราจะพอรู้ลาง ๆ ว่าพื้นที่เขตไหนในกรุงเทพฯ ลักษณะทางกลิ่นเป็นอย่างไร และนำไปสู่การออกแบบเมืองให้มีกลิ่นที่ ‘พึงประสงค์’ ได้
แต่โดยมากแล้ว เรามักจะได้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ก่อนเลย เช่น กลิ่นขยะ กลิ่นท่อไอเสียจากรถ กลิ่นเหม็นอับ กลิ่นฉี่ คือมันมีสารพัดสิ่งเร้าที่มารบกวนการดมของเรามากเกินไป จนเราไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้ว ย่านที่เราอยู่นั้น มีกลิ่นเฉพาะตัวอย่างไร เช่น ซอยที่มีต้นตีนเป็ดเยอะ แม้เป็นกลิ่นที่คนในซอยไม่ชอบใจ แต่เมื่อค้นไปเราอาจจะพบว่ามันอยู่ตรงนี้มานานแล้วก็ได้
เราผายมือให้คุณรู้จักกับ เคท แมคลีน อาจารย์ และนักออกแบบแผนที่กลิ่นในเมืองใหญ่ทั่วโลก เช่น ปารีส อัมสเตอร์ดัม สิงคโปร์ ฯลฯ วิธีการบันทึกกลิ่นลงบนแผนที่กลิ่นคือเธอจะเดินสำรวจ และดมกลิ่นด้วยตามตรอกซอกซอย หรือในแต่ละย่านของเมือง แล้วแมพจุดสีลงไปบนแผนที่
สีแต่ละสีก็จะเชื่อมโยงกับกลิ่นที่เราได้รับ เช่น ไปเดินแถวซอยที่ขายผลไม้เยอะ ๆ เราอาจจะได้กลิ่นฟรุตตี้ ก็จะแมพสีแดงลงไป พ้นซอยแล้วยังได้กลิ่นอยู่ไหม ถ้ายังได้กลิ่นอยู่ก็พล็อตสีลงไป หรืออาจจะเป็นกลิ่นอับในรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็แมพสีน้ำเงินลงไป
เมืองอาจจะใหญ่ไป ถ้าใครอยากลองทำแผนที่กลิ่นของตัวเองดู เริ่มจากย่านแถวบ้านดูก่อนก็ได้ เคท แมคลีน ให้คำแนะนำว่าช่วงที่อากาศอบอุ่น ไม่ก็ชื้นไปเลยคือ เวลาที่เหมาะที่สุดในการเดินดมกลิ่นสำรวจ ถ้าเป็นฤดูหนาว ให้เลือกช่วงกลางวัน ถ้าเป็นฤดูร้อน ให้เลือกช่วงที่อากาศไม่ร้อนมากเกินไป
เป็นเวลากว่า 20 ปี ที่ เคท แมคลีน ได้ทำงานวิจัย และเก็บบันทึกข้อมูลเรื่องกลิ่น ทำให้เธอมีแผนที่กลิ่นหลายเมืองมาก และขยายไปสู่การจัดเวิร์กช็อปให้กับนักดมกลิ่น ทั้งเมืองใหญ่ ๆ จำนวนมาก ก็จ้างให้เธอมาทำแผ่นที่กลิ่นให้ ปัจจุบัน แผนที่กลิ่นของเธอถูกนำไปจัดแสดงในพิพิธพัณฑ์ชื่อดังทั่วโลก
ในตอนต่อไป SPRiNG จะเอาแผนที่กลิ่นในแต่ละเมืองมาเล่าให้ฟังว่า เคท แมคลีน ได้กลิ่นอะไร และมันเชื่อมโยงกับความเป็นเมือง ประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอย่างไร แล้วทำไมแผนที่กลิ่นจึงเป็นเสมือน ‘จมูก’ ของเมือง ที่ไม่เพียงบอกถึงกลิ่น แต่ยังสะท้อนชีวิต วัฒนธรรม และปัญหาที่ซ่อนอยู่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง