SHORT CUT
สำรวจเผยช่องว่างความคาดหวังระหว่างรุ่น Gen Z วางใจในมรดกที่จะช่วยสร้างความมั่นคง แต่พ่อแม่ส่วนใหญ่กลับไม่คิดจะทิ้งอะไรไว้
เมื่อค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อย ๆ คนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z เริ่มหันไปพึ่ง “มรดก” ที่พวกเขาคาดว่าจะได้รับจากพ่อแม่หรือปู่ย่าในอนาคต แต่ปัญหาคือสิ่งที่พวกเขาคาดหวังนั้นอาจไม่ตรงกับความจริงเลย
ล่าสุดมีการสำรวจโดย Northwestern Mutual ที่ถูกหยิบมารายงานโดยเว็บไซส์ Fortune พบว่า เกือบ 60% ของ Gen Z และ Millennials วางแผนอนาคตทางการเงินโดยคาดหวังว่าจะได้รับทรัพย์สินหรือเงินมรดกในอนาคต
แต่เมื่อมองไปที่ฝั่งผู้ให้มรดก คือพ่อแม่ยุค Baby Boomer กลับกลายเป็นว่าเพียง 22% เท่านั้น ที่บอกว่ามีแผนจะทิ้งอะไรไว้ให้ลูกหลานหลังจากเสียชีวิต ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างความคาดหวังที่ใหญ่มาก คนรุ่นใหม่คิดว่ามรดกคือ “ทุนตั้งต้น” ที่จะช่วยซื้อบ้าน เก็บเงินเกษียณ หรือจ่ายหนี้การศึกษา ขณะที่พ่อแม่หลายคนกลับกังวลว่าเงินออมของตัวเองยังไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตยามเกษียณด้วยซ้ำ
สาเหตุที่บูมเมอร์ไม่คิดจะทิ้งมรดกไม่ได้มีแค่เรื่องเงินไม่พอใช้ แต่ยังรวมไปถึงค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่สูงขึ้นทุกปี ภาระการดูแลระยะยาว และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ หลายคนหันไปใช้แนวคิดที่เรียกว่า “Die With Zero” คือใช้เงินเก็บเพื่อเติมเต็มประสบการณ์ชีวิตของตนเองให้หมด แทนที่จะทิ้งทรัพย์สินไว้ให้ลูกหลาน
สำหรับคนรุ่น Gen Z และ Millennials การได้ยินแบบนี้คงไม่ง่ายนัก เพราะแผนการเงินจำนวนมากตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าจะมีมรดกเข้ามาเสริม แต่ถ้ามรดกไม่มา ความฝันหลายอย่าง เช่น การซื้อบ้านหรือเกษียณเร็ว อาจต้องชะลอไป อีกทั้งบางครอบครัวยังไม่เคยคุยเรื่องมรดกกันเลย ลูกหลายคนเชื่อว่าตน “ควรจะได้” ขณะที่พ่อแม่อาจยังไม่เคยเขียนพินัยกรรม หรือไม่มีเจตนาจะจัดการมรดกใด ๆ
อีกประเด็นที่มักถูกมองข้ามคือ แม้มรดกจะมีอยู่จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าทรัพย์สินทุกอย่างจะเป็นของดี บ้านราคาแพงอาจกลายเป็นภาระค่าซ่อม หุ้นหรือกองทุนที่ไม่ตรงกับสภาพตลาดอาจยากต่อการถือครองต่อไป หรือในบางกรณีมรดกยังพ่วงหนี้สินมาด้วย ดังนั้นการได้รับมรดกไม่ได้หมายถึง “ชีวิตสบาย” เสมอไป
สิ่งที่สำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่คือการกลับมาวางแผนการเงินด้วยตัวเอง ไม่ควรฝากความหวังไว้กับสิ่งที่ไม่แน่นอนอย่างมรดก การออม การลงทุน และการสร้างรายได้หลายทางยังคงเป็นรากฐานที่มั่นคงกว่า นอกจากนี้ การกล้าเปิดบทสนทนากับพ่อแม่เกี่ยวกับเจตนาและแผนการจัดการทรัพย์สินก็เป็นเรื่องจำเป็น เพื่อลดความคาดหวังที่ไม่ตรงกัน และหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต
ที่มา fortune
ข่าวที่เกี่ยวข้อง