svasdssvasds

วันออมแห่งชาติ แต่..คนไทยไม่มีเงินออม ชี้ควรเร่งใช้นวัตกรรมการเงินใหม่จูงใจ

วันออมแห่งชาติ แต่..คนไทยไม่มีเงินออม ชี้ควรเร่งใช้นวัตกรรมการเงินใหม่จูงใจ

ผลสำรวจ ชี้ คนไทยมีเงินออมน้อย 82% มนุษย์เงินเดือน 70% ไม่มีเงินสำรองฉุกเฉิน ลุยส่งเสริมการออมให้มีเงินใช้หลังเกษียณ-ควรเร่งใช้นวัตกรรมการเงินใหม่จูงใจ

SHORT CUT

  • เชื่อว่าเศรษฐกิจแบบนี้ต้องยอมรับว่าหลายคนกุมขมับ เพราะ…รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย แถมหนี้สิ้นยังอีรุงตุงนัง เรียกได้ว่าชักหน้าไม่ถึงหลังกันเลยทีเดียว ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงินออมเพื่ออนาคต
  • มนุษย์เงินเดือนในไทยประมาณ 96,000 คน ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในภาวะเปราะบางทางการเงิน โดยกว่า 8 ใน 10 คน หรือราว 82% มีหนี้สิน
  • วันนี้วันออมแห่งชาติ คนไทยมีเงินออมน้อย 82% มนุษย์เงินเดือน 70% ไม่มีเงินสำรองฉุกเฉิน ลุยส่งเสริมการออมให้มีเงินใช้หลังเกษียณ ชี้ควรเร่งใช้นวัตกรรมการเงินใหม่จูงใจ

ผลสำรวจ ชี้ คนไทยมีเงินออมน้อย 82% มนุษย์เงินเดือน 70% ไม่มีเงินสำรองฉุกเฉิน ลุยส่งเสริมการออมให้มีเงินใช้หลังเกษียณ-ควรเร่งใช้นวัตกรรมการเงินใหม่จูงใจ

เศรษฐกิจแบบนี้ต้องยอมรับว่าหลายคนกุมขมับ เพราะ…รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย แถมหนี้สิ้นยังอีรุงตุงนัง เรียกได้ว่าชักหน้าไม่ถึงหลังกันเลยทีเดียว ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงินออมเพื่ออนาคต และวัยเกษียน ซึ่งหลายคนบางว่าทุกวันนี้เดือนชนเดือนได้ก็เก่งแค่ไหนแล้ว มีข้อมูลที่น่าสนใจจาก นายนริศ สถาผลเดชา ประธานกลุ่มงาน Data และ Analytics ทีเอ็มบีธนชาต เผยว่า ไทยมีมนุษย์เงินเดือน 12.5 ล้านคน คิดเป็น 30% ของแรงงานทั้งหมดในบ้านเรา และสร้างรายได้ภาษีบุคคลธรรมดามากถึง 90% หรือกว่า 2.7 แสนล้านบาทต่อปี

แต่วันนี้กลุ่มคนดังกล่าวแบกรับ ภาระหนี้ การขาดเงินออม และเงินฉุกเฉิน มีรูปแบบการใช้ชีวิตเดือนชนเดือนแม้มีรายได้สูง รวมถึงความคุ้มครองที่ไม่เพียงพอ ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน การวางแผนทางการเงิน ตลอดจนการเลือกเครื่องมือทางการเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญ ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้

ผลสำรวจ ยังพบอีกว่า มนุษย์เงินเดือนในไทยประมาณ 96,000 คน ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในภาวะเปราะบางทางการเงิน โดยกว่า 8 ใน 10 คน หรือราว 82% มีหนี้สิน ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นหนี้ส่วนบุคคลและบัตรเครดิตคิดเป็นสัดส่วนถึง 53% รองลงมาคือหนี้รถคิดเป็น 17% และหนี้บ้าน 15% ที่น่าตกใจ 65% ของคนที่มีหนี้ที่จ่ายไหวเลือกจ่ายหนี้ขั้นต่ำ ส่งผลให้ 49% มีความเสี่ยงมีสะสมอาจทำให้คนไทยอยู่ในวงจรหนี้ไม่สิ้นสุดสักที และมีความเสี่ยงที่เกิดการผิดนัดชำระหนี้ด้วย

มาดูอีกหนึ่งข้อมูลที่น่าตกใจ คือ 70% ของมนุษย์เงินเดือนยังไม่มีเงินสำรองฉุกเฉินเพียงพอสำหรับใช้จ่ายได้ต่อเนื่อง 3–6 เดือน หากขาดรายได้ หรือตกงาน และ 80% ไม่มีความคุ้มครองทางการเงินที่เพียงพอ หากเจ็บป่วยหรือเกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับชีวิตและครอบครัว โดยพฤติกรรมการออม พบว่า 77% ของมนุษย์เงินเดือนออมเงินไม่ถึง 10% ของรายได้ต่อเดือน และ 32% ของผู้ที่มีรายได้เกิน 1 แสนบาทต่อเดือน ยังคงใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน และอีก 16% มีรายจ่ายมากกว่ารายได้

เรื่องราวดังกล่าวความไม่มั่นคงทางการเงินเกิดขึ้นกับทุกระดับรายได้ ขณะเดียวกัน กลุ่ม Gen X  ที่มีอายุ 45-60 ปี และ Baby Boomers อายุ 61 ปีขึ้นไป กว่า 57% ยังไม่มีแผนเกษียณ ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนถึงความเสี่ยงทางการเงินในระยะยาว และวันนี้ 31 ตุลาคม วันออมแห่งชาติ จะพาไปดูสถานการณ์ออมเงินของคนไทยต่อ ว่าเป็นอย่างไร

#SPRiNG สัมภาษณ์ ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง เผยว่า ปัญหาการออมเพื่อวัยเกษียณในประเทศไทยยังเป็นประเด็นที่น่ากังวลปัญหาการออมสำหรับวัยเกษียณในประเทศไทยนั้นมีมานานแล้ว และสถานการณ์มีความเร่งด่วนมากขึ้นเนื่องจากประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างรวดเร็ว โดยกลุ่มน่าเป็นห่วง และเปราะบางที่สุดและน่ากังวลที่สุด คือ กลุ่มคนที่ใกล้จะเกษียณอายุ หรือเกษียณอายุแล้ว

นอกจากประเด็นการออมที่ไม่เพียงพอแล้ว ยังมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงปัญหาคู่ขนานคือ หนี้ครัวเรือนที่สูงมาก ซึ่งรัฐบาลได้นำมาประกอบการพิจารณาในการจัดทำนโยบาย ดังนั้นการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยออมเงินมากขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ครัวเรือนมีความมั่นคงทางการเงินในวัยหลังเกษียณ

ทั้งนี้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนและส่งเสริมการออมของภาคประชาชน โดยจัดไว้ในเสาหลักที่ 4 เพื่อแก้ไขปัญหาสำหรับกลุ่มคนที่ มีศักยภาพในการออมแต่ยังออมไม่เพียงพอ ซึ่งรวมถึงมาตรการที่พยายามขยายช่องทางและทางเลือกในการออมให้หลากหลายมากขึ้น สำหรับคนทุกกลุ่มวัย ทั้งที่อายุต่ำกว่า 60 ปีและเกิน 60 ปี และหนึ่งในแนวคิดที่ใช้คือการนำเสนอสลาก กอช. (กองทุนการออมแห่งชาติ) ซึ่งมีคอนเซ็ปต์เพื่อจูงใจให้คนไทยที่ขาดพฤติกรรมการออม แต่มีพฤติกรรมการซื้อสลากหรือซื้อของอยู่แล้ว หันมาเปลี่ยนเป็นเงินออมแทน

ด้าน นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เปิดเผยว่า ปัญหาสำคัญคือคนไทยหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มชาวบ้าน ยังคง ขาดความเข้าใจเรื่องการออมเพื่อวัยเกษียณ แม้บางคนจะมีรายได้ แต่ไม่สามารถจัดสรรเงินได้เป็นระบบ สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งคือการสร้างวินัยทางการเงิน โดยเน้นหลักการ “ออมก่อนใช้” ซึ่งควรเริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อให้มีการจัดสรรเงินอย่างเหมาะสม โดยแนะนำให้ออมอย่างน้อย 10% ของรายได้

ทั้งนี้มองว่านวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ทั้งในด้านเทคโนโลยี และลูกเล่นใหม่ๆจะช่วยให้จูงใจให้เกิดการออมกับคนในยุคนนี้มากขึ้น ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการออมที่มีประสิทธิภาพเพื่อเตรียมพร้อมรับสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้จะต้องเข้าถึงคนรุ่นใหม่ นอกจากกลุ่มเกษตรกรรม ค้าขาย และผู้ประกอบอาชีพอิสระแล้ว กอช. ยังต้องครอบคลุมถึง นักเรียน นักศึกษา ที่ก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงาน เพื่อช่วยให้คนกลุ่มนี้สามารถสร้างหลักประกันทางรายได้ในวัยเกษียณผ่านเงินออมของตนเอง การมีนวัตกรรมการออมที่น่าสนใจนี้ จะช่วยส่งเสริมให้คนไทยรู้จักการเก็บออม และมีหลักประกันทางรายได้ในอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

related