svasdssvasds

ถึงเวลาประเทศไทย? กฎหมายคุม 'อินฟลูเอนเซอร์' สกัดผลกระทบเชิงลบ

ถึงเวลาประเทศไทย? กฎหมายคุม 'อินฟลูเอนเซอร์' สกัดผลกระทบเชิงลบ

ม.ธรรมศาสตร์ ออกโรงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งกำหนดมาตรการกำกับดูแล 'อินฟลูเอนเซอร์' อย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากเนื้อหาที่ไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่ผลกระทบเชิงลบต่อสังคมในวงกว้าง ชี้ปัจจุบันไทยยังขาดกฎหมายควบคุมโดยตรง

SHORT CUT

  • นักวิชาการเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งออกกฎหมายและกำหนดมาตรฐานเพื่อกำกับดูแลอินฟลูเอนเซอร์โดยตรง เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีกฎระเบียบที่ชัดเจนในการควบคุม
  • การกำกับดูแลมีความจำเป็นเพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบต่อผู้บริโภค โดยเฉพาะเนื้อหาที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ เช่น สุขภาพ การเงิน และกฎหมาย
  • มีการยกตัวอย่างมาตรการจากต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และจีน ซึ่งมีข้อบังคับที่ชัดเจนทั้งการลงทะเบียน การเปิดเผยข้อมูล และการแสดงใบอนุญาตวิชาชีพ
  • เสนอให้เกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และสถาบันการศึกษา เพื่อสร้างกลไกควบคุมและปลูกฝังความรับผิดชอบต่อสังคม

ม.ธรรมศาสตร์ ออกโรงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งกำหนดมาตรการกำกับดูแล 'อินฟลูเอนเซอร์' อย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากเนื้อหาที่ไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่ผลกระทบเชิงลบต่อสังคมในวงกว้าง ชี้ปัจจุบันไทยยังขาดกฎหมายควบคุมโดยตรง

ปัจจุบันอาชีพอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ถือเป็นอาชีพที่สร้างรายได้และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างมาก สอดรับกับพฤติกรรมการบริโภคข้อมูลของประชาชนที่หันไปใช้ช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ประเทศไทยมีอินฟลูเอนเซอร์มากถึง 2-3 ล้านคน ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน เป็นรองเพียงประเทศอินโดนีเซียเท่านั้น ด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีอิทธิพลต่อสังคมสูง ทำให้เนื้อหาที่ถูกเผยแพร่มีอิทธิพลต่อผู้คนในวงกว้าง

นักวิชาการธรรมศาสตร์จี้ รัฐต้องเร่งคุมผลกระทบเชิงลบ

รศ.ประไพพิศ มุทิตาเจริญ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร และอาจารย์ประจำคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยถึงประเด็นนี้ โดยชี้ว่า ประเทศไทยควรมีการกำหนดมาตรฐาน จรรยาบรรณ และมาตรการกำกับดูแล เพื่อป้องกันไม่ให้การเผยแพร่นำไปสู่ผลกระทบเชิงลบต่อสังคม

การมีมาตรการกำกับดูแลจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากเนื้อหาหรือประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน เนื้อหาเหล่านี้รวมถึง ความรู้ทางสุขภาพและความงาม, การเงินและการลงทุน, และความรู้ทางกฎหมาย การนำเสนอในประเด็นดังกล่าวไม่สามารถใช้เพียงความคิดเห็นหรือความรู้สึก

รศ.ประไพพิศ ระบุว่า แม้ประเด็นเกี่ยวกับอินฟลูเอนเซอร์จะมีมาต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และในมุมหนึ่งอาชีพนี้ก็สร้างโอกาสและความเท่าเทียมให้คนทั่วไปสามารถสร้างเนื้อหาจนเป็นอาชีพได้ แต่ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ เนื้อหาที่เผยแพร่นั้นมีความถูกต้องและความรับผิดชอบมากน้อยเพียงใด

ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องยังไม่มีกฎระเบียบในการกำกับดูแลอินฟลูเอนเซอร์อย่างชัดเจน มีเพียงความพยายามในการปรับปรุงกฎหมายฉบับอื่นๆ เช่น กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค หรือ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ชำแหละมาตรการต่างประเทศ ตัวอย่างที่ไทยควรนำมาปรับใช้

ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ในหลายประเทศทั่วโลกได้มีการกำหนดมาตรฐานและมาตรการกำกับดูแลอินฟลูเอนเซอร์แล้ว

  1. ฝรั่งเศส: มีกฎหมายเฉพาะเพื่อกำกับดูแลอินฟลูเอนเซอร์ที่ทำธุรกิจเชิงพาณิชย์ โดยกำหนดให้ต้องแจ้งการประกอบอาชีพ ลงทะเบียนกับสรรพากร และต้องมีใบรับรอง เพื่อส่งเสริมจริยธรรมและความรับผิดชอบ
  2. สหรัฐอเมริกา (FTC): หน่วยงาน Federal Trade Commission (FTC) มุ่งเน้นการคุ้มครองผู้บริโภค โดยกำหนดเกณฑ์ชัดเจนว่า อินฟลูเอนเซอร์ต้องเปิดเผยความสัมพันธ์กับแบรนด์ต่อสาธารณชน เช่น การเป็นพนักงาน การได้รับของหรือค่าจ้าง หากเป็นภาพที่ไม่มีเสียง ก็ต้องเขียนกำกับชัดเจนว่าเป็น Branded Content หรือ Sponsored Content และต้องระบุให้ชัดเจน ไม่ใช่การแฝงเป็นแฮชแท็กเล็กๆ
  3. จีน: มีมาตรการที่เข้มงวดสำหรับการสร้างเนื้อหาในหัวข้อที่จริงจัง เช่น การเงิน สุขภาพ การแพทย์ กฎหมาย หรือการศึกษา ผู้เผยแพร่จะต้องแสดงหลักฐานใบปริญญาหรือใบอนุญาตวิชาชีพก่อนเผยแพร่ มิเช่นนั้นอาจต้องเจอโทษปรับสูงถึง 4.5 แสนบาท
  4. นิวซีแลนด์และอังกฤษ: ก็มีแนวทางการกำกับดูแลเช่นกัน

ความร่วมมือภาครัฐ แพลตฟอร์ม และสถาบันการศึกษา

รศ.ประไพพิศ เสนอว่า นอกจากหน่วยงานรัฐที่ต้องเร่งกำหนดกฎหมายควบคุมโดยตรง โดยอาศัยข้อมูลรายงานผลกระทบในอดีตและข้อมูลการละเมิดกฎหมายเป็นฐาน ทางแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น เฟซบุ๊ก ยูทูป หรือ ติ๊กตอก (TikTok) แม้จะมีกลไกควบคุมเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว แต่ก็ควรมีการกำหนดแนวทางการกำกับควบคุมเนื้อหาเชิงธุรกิจที่มีความเฉพาะทางหรือมีประเด็นอ่อนไหวต่อความมั่นคงในชีวิตของผู้คนมากขึ้น พร้อมทั้งกำหนดบทลงโทษที่ชัดเจน

ในส่วนของสถาบันการศึกษา ทางธรรมศาสตร์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างความเข้มแข็งให้กับนักศึกษาที่จะก้าวไปสู่สายอาชีพอินฟลูเอนเซอร์ โดยมีการพัฒนาทักษะผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ของสถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ (TU NEXT) ซึ่งเป็นคอร์สออนไลน์ที่เข้าถึงได้ทุกคน และมีการสอนเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งที่ควรระวัง รวมถึงมีรายวิชาด้านจริยธรรมและกฎหมายเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลบนสื่อสังคมออนไลน์

ที่มา : thansettakij 

related