svasdssvasds

ไทยแรงงานวัยทำงานลดฮวบ ฉุดลงทุนใหม่-ตลาดบ้าน-รถ หดตัว แนะเตรียมรับมือ

ไทยแรงงานวัยทำงานลดฮวบ ฉุดลงทุนใหม่-ตลาดบ้าน-รถ หดตัว แนะเตรียมรับมือ

วิกฤตโครงสร้าง! KKP Research กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เตือน "แรงงานไทย" หดตัวตั้งแต่ปี 2015 ฉุดเศรษฐกิจติดกับดัก 'บริการมูลค่าต่ำ'

SHORT CUT

  • ธุรกิจไทยกำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆนานามากมายรุมเร้า หนึ่งในนั้นคือประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตเชิงโครงสร้างที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง คือ การหดตัวของจำนวนแรงงาน
  • KKP Research เตือน "แรงงานไทย" หดตัวตั้งแต่ปี 2015 ฉุดเศรษฐกิจติดกับดัก 'บริการมูลค่าต่ำ'

  • ผลสำรวจยัง ชี้อีกว่า จำนวนแรงงานของไทยได้ทำจุดสูงสุดไปตั้งแต่ปี 2015 และกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งเมื่อรวมกับการลงทุนที่ชะลอตัวลง ทำให้ทั้งแรงงานและทุนไม่สามารถเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อีกต่อไป

วิกฤตโครงสร้าง! KKP Research กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เตือน "แรงงานไทย" หดตัวตั้งแต่ปี 2015 ฉุดเศรษฐกิจติดกับดัก 'บริการมูลค่าต่ำ'

ภาคธุรกิจไทยกำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆนานามากมายรุมเร้า หนึ่งในนั้นคือประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตเชิงโครงสร้างที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง คือ การหดตัวของจำนวนแรงงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในสองกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะยาว ล่าสุดมีผลสำรวจที่น่าสนใจจาก KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ระบุว่า ปัญหาการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซาของไทยนั้นมีประเด็นระยะยาวที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือเรื่อง โครงสร้างประชากร ซึ่งโครงสร้างประชากรไทยกำลังโตช้าลง และจำนวนประชากรกำลังลดลง โดยเฉพาะแรงงานวัยทำงานลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน และเป็นชาติเดียวในภูมิภาคอาเซียนที่แรงงานวัยทำงานลดลง

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวมทั้งในระยะสั้น และระยะยาวอย่างแน่นอนสถานการณ์นี้มีความสำคัญเนื่องจากเมื่อประชากรที่ไปทำงานลดลง จะส่งผลให้มีคนที่มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศน้อยลงตามไปด้วย ผลกระทบนี้ได้เริ่มปรากฏให้เห็นในรูปแบบที่ชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่พึ่งพาการบริโภคขนาดใหญ่ ยอดขายสินค้าสำคัญ เช่น ยอดขายบ้านและยอดขายรถยนต์ เริ่มหดตัวลดลงแล้ว

ไทยแรงงานวัยทำงานลดฮวบ ฉุดลงทุนใหม่-ตลาดบ้าน-รถ หดตัว แนะเตรียมรับมือ

การที่ประชากรในประเทศมีจำนวนลดลง และมีโอกาสซื้อบ้านหรือซื้อรถน้อยลง กำลังทำให้ธุรกิจหลายอย่างต้องหายไป และอยากให้ร็ว่านี่ไม่ใช่ปัญหาในระยะสั้น แต่เป็นประเด็นระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างเศรษฐกิจโดยตรง ดังนั้น ปัญหาเหล่านี้จึงไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยนโยบายกระตุ้นในระยะสั้น เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยหรือการเพิ่มการใช้จ่ายทางการคลัง

ผลสำรวจยัง ชี้อีกว่า จำนวนแรงงานของไทยได้ทำจุดสูงสุดไปตั้งแต่ปี 2015 และกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งเมื่อรวมกับการลงทุนที่ชะลอตัวลง ทำให้ทั้งแรงงานและทุนไม่สามารถเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อีกต่อไป ซึ่งการเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ทำให้จำนวนคนวัยทำงานลดลงอย่างรุนแรง และสถานการณ์นี้จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต

นักวิเคราะห์ KKP Research ชี้ว่า สิ่งที่น่ากังวลไปพร้อมกับการลดลงของแรงงานคือ ผลิตภาพ (Productivity) ที่เติบโตช้า เนื่องจากประเทศไทยกำลังประสบกับภาวะ "Premature Deindustrialization" หรือการที่ภาคอุตสาหกรรมลดลงเร็วกว่าที่ควรจะเป็นในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วเคยมีสัดส่วนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมสูงถึง 20-30% แต่แรงงานไทยในภาคอุตสาหกรรมเคยทำจุดสูงสุดไว้เพียงประมาณ 10-15% เท่านั้น  ส่งผลให้แรงงานจำนวนมากยังคงติดอยู่ในภาคส่วนที่มีผลิตภาพต่ำ โดยเฉพาะ แรงงานประมาณ 30% ยังคงอยู่ในภาคเกษตร

นอกจากนี้แม้แต่แรงงานในภาคอุตสาหกรรมก็ยังประสบปัญหา เนื่องจากผลิตภาพแรงงานของไทยเติบโตเฉลี่ยเพียง 2% ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆที่เคยเติบโตในอัตราร้อยละ 3-5 ในช่วงการเปลี่ยนผ่านที่คล้ายกัน และเมื่อภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว แรงงานจึงไหลเข้าสู่ภาคบริการมากขึ้น แต่ลักษณะของภาคบริการของไทยกลับมีความน่ากังวล

นักวิเคราะห์ ระบุว่า ภาคบริการของประเทศพัฒนาแล้วประกอบด้วย Modern Services  หรือการบริการมูลค่าเพิ่มสูง เช่น การเงิน หรือ ที่ปรึกษา ประมาณครึ่งหนึ่ง แต่ภาคบริการของไทยมีส่วนของบริการมูลค่าเพิ่มสูงอยู่เพียง 20% เท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็น Traditional Services  การพึ่งพาภาคบริการมูลค่าต่ำนี้ส่งผลโดยตรงต่อรายได้ของคนไทย ทำให้เกิดความเสี่ยงที่คนไทยจะมี รายได้ลดลง หากภาคอุตสาหกรรมหดตัวต่อไป

ดังนั้นทางรอดของธุรกิจ มุ่ง Innovation และแรงงานทักษะสูงเพื่อรับมือกับวิกฤตแรงงานหดตัวและผลิตภาพต่ำ ภาคธุรกิจจะต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน โดยไม่สามารถทิ้งภาคอุตสาหกรรมเดิมทั้งหมดได้ แต่ต้องหันมา ใส่ Innovation เข้าไปในอุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร และขณะเดียวกันต้องเร่งหา "เครื่องยนต์ใหม่" เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มสูงในกลุ่ม Advance Manufacturing และ High Value Added Services เช่น ธุรกิจด้านสุขภาพ (Health Care), การเงิน (Finance), ดิจิทัล (Digital), และพลังงานสีเขียว (Green)

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนผ่านนี้ยังติดขัดอย่างหนักจากปัญหาขาดแคลน High Skill Labor ซึ่งสะท้อนจากสถิติที่แสดงว่าความสามารถในการ ดึงดูดแรงงานต่างชาติที่มีทักษะ ของไทยอยู่ในอันดับที่ต่ำมาก โดยอยู่ที่อันดับ 91-92 จาก 134 ประเทศ  หากประเทศไทยไม่สามารถสร้างงานที่มีผลิตภาพและมูลค่าเพิ่มสูงได้ โอกาสในการเลื่อนชั้นทางสังคมและเศรษฐกิจของคนไทยก็จะยากลำบากยิ่งขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related