
SHORT CUT
“สามอำนาจผูกขาด: เมื่อวัด นักการเมือง และตำรวจ สร้างเครือข่ายศรัทธาเพื่อช่วงชิงอำนาจในสนามการเมืองท้องถิ่น”
สาธุ ซีซั่น 2 เดินหน้าเล่าภาพการเมืองท้องถิ่นไทยผ่าน “สนามศรัทธา” ได้อย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น ตัวซีรีส์ไม่ได้เพียงตีแผ่วัด พระ และนักการเมือง แต่ชวนให้ผู้ชมมองเห็นโครงสร้างที่อยู่ลึกลงไป ความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในสังคมท้องถิ่นไทย ที่ “เหมือนจะไกลตัว แต่จริงๆ แล้วใกล้ตัวมาก
ในซีรีส์ วัดไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ถูกเล่าให้เป็น “โครงสร้างทางสังคม” ที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งในไทย เก่าแก่ ยั่งยืน และมีสายสัมพันธ์กับคนทุกระดับชั้น เมื่อความศรัทธามหาศาลนี้ถูกรวมเข้ากับอำนาจรัฐและผลประโยชน์ทางการเมือง ก็เกิดเป็นพื้นที่สีเทาที่ทั้งดึงดูดและอันตรายในเวลาเดียวกัน
ตัวละครของ ‘เอ๋’ (ส.จ. ท้องถิ่นหญิง) ถูกออกแบบมาอย่างมีมิติ เธอไม่ได้เป็นเพียง “ตัวร้าย” แต่เป็นภาพแทนของผู้เล่นคนหนึ่งในระบบที่ซับซ้อน เธอเข้าใจบทบาทของวัด เข้าใจแรงศรัทธา และรู้ว่าการสร้างภาพลักษณ์ผ่านโครงการบุญคือโอกาสทางการเมืองที่หลายคนใช้จริงในสังคมไทย ชวนให้เห็นว่าระบบและวัฒนธรรมทางการเมืองบางแบบผลักให้บุคคลต้องใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ ทั้งเพื่ออยู่รอด และเพื่อช่วงชิงอำนาจทางการเมืองในพื้นที่ของตน
ขณะที่ตำรวจในเรื่องถึงจะไม่มีบทเด่นเท่านักการเมืองหรือพระ แต่ซีรีส์สะท้อนถึงความจริงที่คนไทยคุ้นเคย การบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ท้องถิ่นมักขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ทางการเมืองมากกว่ากฎหมายเอง
ตำรวจในเรื่องจึงกลายเป็น “เงา” ของระบบอำนาจ เป็นแรงสนับสนุนอย่างเงียบๆ ที่ทำให้ขบวนการผลประโยชน์บางอย่างสามารถดำเนินไปได้โดยไร้แรงต้าน
เมื่อนักการเมือง วัด และตำรวจเข้ามาอยู่ในระบบเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นตือเครือข่ายอำนาจสีเทาที่ยากจะหาใครมาท้าทาย เป็นความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากในสังคมไทยมานาน
โครงสร้างอำนาจท้องถิ่น 3 ส่วนนี้ ทำงานร่วมกันสร้าง “ระบบผูกขาดทางศรัทธาที่ซับซ้อน นักการเมืองให้การอุปถัมภ์วัดเพื่อสร้างภาพลักษณ์ทางศีลธรรม ขณะที่วัดนำศรัทธาชาวบ้านมาเป็นทุนในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กลับกัน ตำรวจคอยประกันเครือข่ายให้มั่นคง หากตรึงได้ อำนาจนี้จะหล่อเลี้ยงและยืดหยุ่นได้ง่ายขึ้น โลกแห่งศรัทธาซึ่งควรเป็นที่พึ่งจิตใจประชาชน จึงถูกบิดเบี้ยวให้กลายเป็นเหมืองผลประโยชน์ของคนไม่กี่กลุ่ม ทั้งนี้ซีรีส์ย้ำว่าผลพวงคือ ศรัทธาของคนธรรมดาถูกสั่นคลอน ความยุติธรรมถูกกดทับ หากระบบนี้ยังอยู่ต่อไป อนาคตของประชาชนทั่วไปยากที่จะหลุดพ้นจากวงจรการเมืองทุจริตนี้
เมื่อเห็นภาพสะท้อนใน “สาธุ 2” เราควรถามตัวเองว่า ศรัทธาที่ยังบริสุทธิ์ได้อีกไหมในสังคมเช่นนี้? เราจะช่วยสร้างกลไกตรวจสอบ-ถ่วงดุลอย่างไร เพื่อไม่ให้วัดหรือผู้ศักดิ์สิทธิ์ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองจนชาวบ้านถูกหลอก? ระบบยุติธรรมจะฟื้นความน่าเชื่อถือได้หรือไม่ เมื่อนักการเมืองอำนาจนิ่งผู้หนึ่งเอาเปรียบประชาชนและซ้อนอำนาจกับตำรวจไปแล้ว? คำถามเหล่านี้ยากจะให้คำตอบแน่นอน
แต่เป็นประเด็นสำคัญที่แฟนซีรีส์และประชาชนต้องช่วยกันคิดต่อ ในท้ายที่สุดการเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มจากความตื่นตัวของสังคม เพื่อต่อต้านพฤติกรรมแบบ “สามอำนาจผูกขาด” ที่ตัวซีรีส์สะท้อนไว้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง