svasdssvasds

ประวัติ "เศรษฐา ทวีสิน" ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย จากพรรคเพื่อไทย

ประวัติ "เศรษฐา ทวีสิน" ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย จากพรรคเพื่อไทย

ประวัติ "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย นายกฯ คนล่าสุดจากพรรคเพื่อไทย จากเจ้าพ่ออสังหาระดับหมื่นล้าน สู่ว่าที่นายกฯ คนที่ 30

 "เศรษฐา ทวีสิน" เกิดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2505 ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย อดีตประธานอำนวยการและ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้นำการขับเคลื่อนแสนสิริ สู่บริษัทชั้นนำในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ทั้งนี้ ก่อนร่วมงานกับแสนสิริ คุณเศรษฐา เคยทำงานกับ Procter & Gamble บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่เคลื่อนไหวเร็ว (FMCG)

 เส้นทางการเมืองของ "เสี่ยนิด" เศรษฐา ทวีสิน อายุ 60 ปี เริ่มจากการประกาศเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยต่อสาธารณะช่วงปี 2565 ในฐานะประธานที่ปรึกษา อุ๊งค์อิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แต่ความสัมพันธ์ของ เศรษฐา กับเพื่อไทยยาวนานกว่านั้นเพราะเจ้าตัวเคยเป็นที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการในรัฐบาล "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" มาก่อนหน้า

 จากนั้น เศรษฐา ทวีสิน แต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมลงสนามการเมืองเต็มตัวเมื่อประกาศ "ลาออก" จากตำแหน่งประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) อสังหาริมทรัพย์มูลค่าหมื่นล้าน โดยทำการโอนหุ้นทั้งหมดให้แก่บุตรสาว และเดินหน้าหาเสียงในบทบาท "แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี" พรรคเพื่อไทย พร้อมชูนโยบาย "กระเป๋าเงินดิจิทัล แจกเงิน 1 หมื่นบาท" เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนในระยะสั้น เรียกเสียงฮือฮา และคำวิจารณ์ในวงกว้าง

ประวัติการศึกษาเศรษฐา ทวีสิน

 

เศรษฐา จบการศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร จากนั้นไปศึกษาต่อที่สหรัฐในระดับไฮสกูลและจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแมสสาชูเซ็ตส์ (University of Massachusetts) ปริญญาโทในสาขาบริหารธุรกิจด้านการเงินจาก บัณฑิตวิทยาลัยแคลมอนต์ (Claremont Graduate School) ของสหรัฐ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เศรษฐา ทวีสิน ประวัติ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย

• “เศรษฐา” ยิ้มร่า! ผลโหวตนายกฯ ครึ่งทางจ่อเข้าวิน เตรียมพร้อมแถลงทันที

• ผลโหวตนายกฯ รอบ 3 "เศรษฐา" นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30

ประวัติ "เศรษฐา ทวีสิน" ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย จากพรรคเพื่อไทย

 จากนั้น เศรษฐา ทวีสิน ในวัยหนุ่มได้เข้าทำงานที่พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล บริษัทข้ามชาติผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ของอเมริกาเป็นเวลา 4 ปี และย้ายกลับมาทำงานที่ บจก.แสนสำราญ ของอภิชาติ จูตระกูล ที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.แสนสิริ พร้อมดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปี 2566 รวม 17 ปี รวมถึงตำแหน่งกรรมการบริษัทในเครือกว่า 30 แห่ง อาทิ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน), บริษัท สิริพัฒน์ ทเวลฟ์ จำกัด, บริษัท สิริพัฒน์ อีเลฟเว่น จำกัด, บริษัท สิริพัฒน์ เท็น จำกัด, บริษัท สิริพัฒน์ ไนน์ จำกัด ฯลฯ

Milestone ในภาคธุรกิจ

 เริ่มงานในอาชีพแรกในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท พร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล ประเทศไทย ก่อนเข้าร่วมงานกับแสนสิริ

พ.ศ. 2533 เริ่มเข้าทำงานในบริษัท แสนสำราญ จำกัด 

พ.ศ. 2537 มีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นและเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นบริษัท แสนสิริ จำกัด

พ.ศ. 2538   ภายใต้การบริหารงานของตน นำบริษัทเข้าจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดและเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 100 ล้านบาท

พ.ศ. 2539 จัดตั้งบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อดูแลงานบริหารจัดการโครงการและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เพราะเล็งเห็นว่าการต่อยอดธุรกิจให้ครบวงจรเป็นจุดแข็งในการนำธุรกิจไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

พ.ศ. 2540 ประเทศไทยและบริษัทเผชิญวิกฤติต้มย้ำกุ้ง ซึ่งเป็นวิกฤติทางการเงินครั้งรุนแรงที่สุด สามารถดำเนินการบริหารจัดการแก้ไขชำระหนี้ และนำองค์กรผ่านพ้นมรสุมธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

 

 

 

                               

                              

                                  

 

 

                                 

                             

พ.ศ. 2543 ทำการปรับโครงสร้างหนี้เสร็จสิ้นเป็นรายแรกๆ หลังจากวิกฤติปี 2540 และเริ่มขยายธุรกิจรุกการทำโครงการแนวราบ (บ้านเดี่ยว) โครงการแรกในทำเลวัชรพล 

พ.ศ. 2550 พัฒนาโครงการ บ้านแสนสิริ สุขุมวิท บ้านเดี่ยวใจกลางเมือง และได้รับการตอบรับอย่างดี จนได้รับรางวัล Asia’s Best Residential Project of The Year 2006

พ.ศ. 2550 ด้วยเห็นว่าการส่งเสริมและสนับสนุนเด็กและเยาวชนเป็นสิ่งสำคัญ ได้ริเริ่มโครงการ แสนสิริ อะคาเดมี่ คลินิคสอนฟุตบอลเยาวชนทั่วไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถึงปัจจุบันนี้มีเด็กกว่า 8 พันคนที่ผ่านการฝึกสอน ของโครงการและหลายคนได้โอกาสเข้าเรียนและติดทีมชาติเยาวชน                                  

พ.ศ. 2553 ริเริ่มการจับมือเป็นพันธมิตรกับ UNICEF เพื่อสนับสนุนและต่อยอดประเด็นสิทธิและสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชน โดยเป็นองค์กรธุรกิจของไทยองค์กรแรกๆ ที่ได้รับเกียรติร่วมมือ โดยความร่วมมือดังกล่าวได้ดำเนินเป็นระยะเวลา 10 ปี จนกระทั่งสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2563

พ.ศ. 2555 นำพาองค์กรรุกธุรกิจที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดตามหัวเมืองสำคัญๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง (ภูเก็ต เชียงใหม่ หัวหิน ขอนแก่น พัทยา และเขาใหญ่) 

พ.ศ. 2556 ได้รับรางวัล Thailand Property Award สาขา Best Housing Development

พ.ศ. 2557 เป็นตัวแทนภาคเอกชนรายเดียวของประเทศไทยเข้าร่วม UNICEF Innovation & Action Workshop Panel ที่กรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เพื่อเสวนาเรื่องของสิทธิและสวัสดิภาพเด็ก

พ.ศ. 2559 เปิดตัวโครงการแฟล็กชิป 98 ไวร์เลส บนถนนวิทยุ ด้วยมูลค่าโครงการ สูงถึง 8,500 ล้านบาท บนทำเลที่มีราคาที่ดินสูงที่สุด ณ ขณะนั้น (ได้รับรางวัล Asia Pacific Property Award ในปี พ.ศ. 2561)

พ.ศ. 2559 ได้รับรางวัล Global CSR Summit and Award (Silver Award for CSR and Leadership)

พ.ศ. 2560 มองการณ์ไกล ขยายฐานธุรกิจด้วยการร่วมลงทุนกับบริษัทระดับโลก 6 ราย รวมถึง Standard International เช่น บริหารโรงแรมชื่อดัง ระดับโลก และเข้าดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ ของ Standard International

พ.ศ. 2562 นำองค์กรรับรางวัลชนะเลิศ ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประเภทธุรกิจ ขนาดใหญ่ จาก สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ

พ.ศ. 2563 นำบริษัทลงนามในข้อตกลง United Nations Global Standards of Conduct for Business กับ UNDP ซึ่งเป็นบริษัทไทยแรกในไทย ที่ดำเนินการเรื่องนี้ เพื่อสนับสนุน และลดการแบ่งแยก ความเหลื่อมล้ำสำหรับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ

พ.ศ. 2564 ได้รับรางวัลองค์กรต้นแบบ ด้านสิทธิมนุษยชน (รางวัลชมเชย จากกรม คุ้มครองแรงงานและสวัสดิการสังคมกระทรวงยุติธรรม)

พ.ศ. 2565 นำองค์กรประกาศจุดยืนเรื่องสิ่งแวดล้อมและกำหนดเป้าหมาย การก้าวเข้าสู่ Net Zero เป็นรายแรกของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

พ.ศ. 2565 ยุติการทำงานทั้งหมดในบริษัท แสนสิริ จำกัด มหาชน ในตำแหน่ง ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ รวมทั้งทุกตำแหน่งในฐานะกรรมการบริษัท และกรรมการชุดย่อยของบริษัท ได้แก่ ประธานกรรมการบริหาร รองประธานกรรมการลงทุน และกรรมการบรรษัทภิบาทลและความยั่งยืน โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2566 เป็นต้นไป                                

พ.ศ 2566 ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย หนึ่งในแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย

                                                                   

                                  

                                  

 

 

 

                            

 

 

                                 

                                  

 

 

                                  

                                  

 

 

 

 

 

                                 

 

 

                                  

 

                                  

                                  

 

                                  

 

 

 

                                                                    

                                  

 

 

                                 

 

 

related