svasdssvasds

ช่อ พรรณิการ์ ถูกตัดสิทธิ์การเมือง ปารีณาเห็นใจ ปิยบุตรชี้ก้าวไกลเงียบเกิน

ช่อ พรรณิการ์  ถูกตัดสิทธิ์การเมือง  ปารีณาเห็นใจ  ปิยบุตรชี้ก้าวไกลเงียบเกิน

เมื่อ "ช่อ-พรรณิการ์ วานิช" ถูกตัดสิทธิ์การเมืองตลอดชีวิต ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส. พลังประชารัฐ หนำใจ แต่ก็เห็นใจ ชี้ ไม่สมควรที่จะมีใครต้องโดนแบบนี้ ขณะที่ ปิยบุตร ชี้ พรรคก้าวไกลเงียบเกินไป จนดูเหมือน ไร้น้ำใจกับเคสนี้

ช่อ พรรณิการ์ วานิช ได้โพสต์ข้อความทางโลกออนไลน์ หลังจากถูกตัดสินโทษทางการเมือง  หลังจากศาลฎีกาพิพากษา คดี คมจ.1/2565 "ช่อ พรรณิการ์ วานิช" อดีตสส.อนาคตใหม่ คดีโพสต์หมิ่นสถาบันฯ เป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ให้ถอนสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้งตลอดไป ไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  

"ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและความเป็นห่วงจากทุกๆ ช่องทางค่ะ คำพิพากษาศาลในวันนี้ เป็นการตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง หมายความว่า ลงสมัคร สส. หรือแข่งขันการเลือกตั้งทุกระดับไม่ได้ รับตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ แต่สำหรับงานการเมืองที่ทำอยู่ตอนนี้ ไม่มีใครมาพรากสิทธิไปจากช่อได้ค่ะ 

ทุกอย่างจึงยังเหมือนเดิมทุกประการ ภารกิจการเมืองของช่อในนามคณะก้าวหน้ายังดำเนินต่อไป  รวมถึงการเป็นผู้ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  เราเดินทางมาไกลขนาดนี้ จะไม่หยุดเดินกลางคันจนกว่าจะถึงเส้นชัย ตัวเราอยู่ตรงไหน ตำแหน่งใด ไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งสำคัญคือประเทศไปได้ไกลแค่ไหนต่างหาก

ปล. คดีนี้เกิดจากโพสต์เฟซบุ๊กของช่อตั้งแต่สมัยก่อนเป็น สส. มีการดำเนินคดีทั้งคดีอาญา ข้อหาผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ และคดีจริยธรรมนักการเมือง ก่อนหน้านี้ศาลอาญายกฟ้องคดี พ.ร.บ. คอมฯ ไปแล้วนะคะ แต่อัยการยื่นอุทธรณ์ ก็ต้องสู้กันต่อ ส่วนคำพิพากษาที่ออกวันนี้เป็นการตัดสินว่าผิดจริยธรรม สส. ค่ะ"

 

ปารีณา หนำใจ แต่ไม่เห็นด้วย 'ช่อ' ถูกตัดสิทธิ์การเมืองตลอดชีวิต

ด้าน  ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ผ่าน Facebook ถึงกรณี "ช่อ พรรณิการ์ วานิช อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ถูกถอนสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

โดยระบุว่า #จริยธรรม #ช่อ ช่อถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต ด้วยรัฐธรรมนูญกำหนดให้ศาลฏีกาเป็นผู้กำหนดมาตราฐานจริยธรรม แน่นอนด้วยขนบธรรมเนียม ศาสนา ความคิด หากผู้ใดถูกชี้มูลเรื่องจริยธรรมแล้ว จะไม่มีใครรอดแน่นอน

คำถามคือ ทำไมปารีณาจึงเป็นคนแรกที่ถูกตัดสินจริยธรรม ทำไมเป็นช่อ หรือว่าปารีณากับช่อ เป็นเพียงตัวสร้างความชอบธรรมให้นำกฏหมายมาใช้เป็นเครื่องมือใช่ไหม?? จริยธรรมมันครอบจักรวาล เอาไปล่อใครก็ได้ สำคัญสุด

จริยธรรมนี้อาจถูกนำไปใช้กับ #ธนาธร พ่อหนุ่มทรงพลัง ผู้มีความสามารถขับเคลื่อนความคิดของเยาวชนเกือบ..ทั้ง..ประ..เทศ นี่ขนาดอยู่เบื้องหลังนะ จะให้ออกมายืนไม่ได้. ต้องเก็บกดปิดกั้นไว้… น่ากลัว

โดยส่วนตัว ถึงจะหนำใจแต่..ไม่เห็นด้วยกับการตัดสิทธิ์ช่อครั้งนี้ เพราะกฏหมายจริยธรรมไม่เป็นสากล. ไม่มีที่ไหนในโลกเขาไปแจ้งดำเนินคดีจริยธรรมกัน เพราะถ้านักการเมืองทำผิด ก็ว่ากันไปเรื่องอาญา เรื่องแพ่ง

เทียบเคียงหากช่อผิดกฏหมายจริงก็ควรเอาไปปรับ หรือเอาไปติดคุก ไม่ใช่มาตัดสิทธิ์ด้วยจริยธรรม เฉกเช่นสหรัฐอเมริกา ที่มีกฏหมายคุ้มครองผู้นำสูงสุดของประเทศ ที่ทำให้พวกชอบโพสต์ หรือพูดจาละเมิดติดคุกมาแล้ว

ปารีณา หนำใจ แต่ไม่เห็นด้วย

• "ปิยบุตร" ซัด "ก้าวไกล" ไร้น้ำใจ รูดซิปปิดปากเงียบปม "ช่อ พรรณิการ์"  เคลื่อนไหวก็ช้าเกินไป!

ขณะที่ "ปิยบุตร  แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า  โพสต์เฟซบุ๊กอัด "ก้าวไกล" ไร้น้ำใจ ปิดปากเงียบปม "ช่อ พรรณิการ์" ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีพ เหน็บทีเรื่องอื่นตอบโต้ไว มองไม่เกี่ยวกับสถานะสมาชิกพรรค ลั่น เขาก็ไปช่วยหาเสียง เตรียมไลฟ์อรรถาธิบายหมดเปลือก

"ผมทราบข่าวกรณีคุณ ช่อ พรรณิการ์ วานิช ตั้งแต่บ่ายสามแล้ว แต่จงใจยังไม่แสดงความเห็นใดๆ เพราะ อยากรอดูว่าพรรคก้าวไกลจะมีการสื่อสารแบบเป็นทางการออกมาบ้างหรือไม่ แต่จนถึงตอนนี้ ไม่มีเลย พบเห็นแค่มี สส.บางคนแสดงความไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง แต่ไม่มีการแถลงหรือวิจารณ์ใดๆ ออกจากพรรคก้าวไกลแม้แต่น้อย  อย่าใช้เหตุผลนะครับว่า คุณช่อไม่ใช่สมาชิกพรรคก้าวไกล นั่นคนละเรื่องเลย พรรคการเมืองสามารถแสดงความเห็นได้อยู่แล้ว ยังไม่นับว่าคุณช่อเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้พรรคก้าวไกลด้วย ในขณะที่ ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล และผู้สนับสนุนพรรคอื่น ยังแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างกว้างขวาง แต่พรรคก้าวไกลกลับ “เงียบกริบ”

เงียบจนผมรู้สึกว่า “ไร้น้ำใจ” กับพรรณิการ์ วานิช จนเกินไป

ในเมื่อพรรคก้าวไกลไม่พูดอะไรเลย ก็ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมแถลงวิจารณ์คดีนี้เอง วันสองวันนี้ ผมจะไลฟ์ อรรถาธิบายทั้งหมดครับ

ระหว่างนี้ อ่านข้อเขียนที่ผมเคยวิจารณ์สมัยที่คุณปารีณา ไกรคุปต์ ถูกศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต ไปพลางก่อนได้ครับ

จากนั้น นายปิยบุตร ได้เขียนข้อความเพิ่มเติมในช่องแสดงความคิดเห็น ว่า สำหรับท่านที่เห็นว่า ต้องให้เวลา คนของพรรคเสียหน่อย แต่ทำไมเรื่องอื่น พรรคตอบโต้ได้เร็วล่ะครับ ยังไม่ต้องถึงขนาดวิจารณ์แบบวิชาการลงละเอียดก็ได้ ขอแค่แสดงจุดยืนก็ยังดี

มีแต่ สส.บางคนแสดงความเห็นกันเอง แล้วก็สะเปะสะปะ ไม่มีทิศทางด้วย พรรคก้าวไกลได้โอกาส “ฮันนีมูน” จากผู้สนับสนุน พร้อมจะแก้ต่างและเข้าใจไปเสียทั้งหมดได้ แต่ต่อไปช่วงเวลา “ฮันนีมูน” จะค่อยๆ หมดลง พรรคก็ควรคิดจริงจังเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว สำหรับผม ถ้าพรรคไม่พร้อม ไม่มีคนโต้ศาลได้ อย่างน้อยแสดงจุดยืนบ้างก็ยังดี ในเมื่อพรรคก้าวไกลมีจุดยืนเรื่องทำรัฐธรรมนูญใหม่ เรื่องโต้แย้งความผิดปกติของรัฐธรรมนูญ 60 แต่พอเกิดเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก กลับเงียบกริบ


• ก้าวไกล ชี้ จำเป็นในการปฏิรูปองค์กรอิสระ จากเคส "ช่อ-พรรณิการ์"  ถูกตัดสิทธิ์การเมืองตลอดชีวิต

ขณะที่ พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคที่ได้ 151 สส. จากการเลือกตั้ง 2566 และเป็นภาพสะท้อนการเมืองยุคใหม่ของสังคมไทย ได้ โพสต์ต่อ กรณี ช่อ พรรณิการ์ วานิช ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง  เรื่องนี้ เป็นผลพวงของ อิทธิฤทธิ์ของกลไก “มาตรฐานทางจริยธรรม” ในรัฐธรรมนูญ 2560 และความจำเป็นในการปฏิรูปองค์กรอิสระ  ใจความทั้งหมด ระบุว่า 

กรณีตัดสิทธินักการเมือง - อิทธิฤทธิ์ของกลไก “มาตรฐานทางจริยธรรม” ในรัฐธรรมนูญ 2560 และความจำเป็นในการปฏิรูปองค์กรอิสระ 
.
เมื่อวาน (20 ก.ย. 66)  ศาลฎีกามีคำพิพากษาถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง รวมถึงสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิตของคุณพรรณิการ์ วานิช ด้วยฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามกฎหมาย จากโพสต์ในโซเชียลมีเดียเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ก่อนคุณพรรณิการ์ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร

รายละเอียดเนื้อหาสาระของคำพิพากษาต่อกรณีนี้ มีหลายส่วนถูกตั้งคำถามโดยสังคม ไม่ว่าจะเป็นข้อสังเกตเรื่องห้วงเวลาของการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนการรับตำแหน่งทางการเมือง คำถามเรื่องการคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกที่ควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย หรือการที่การกระทำเดียวกันของคุณพรรณิการ์ เคยถูกฟ้องในฐานความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) แต่ศาลอาญามีคำสั่งยกฟ้อง ยิ่งสะท้อนให้เห็น ‘ความผิดปกติ’ ของการพิจารณาที่อาจถูกตั้งคำถามได้ว่า ได้ให้ความเป็นธรรมแก่คุณพรรณิการ์อย่างเพียงพอหรือไม่
ก้าวไกล ชี้ จำเป็นในการปฏิรูปองค์กรอิสระ จากเคส "ช่อ-พรรณิการ์"  ถูกตัดสิทธิ์การเมืองตลอดชีวิต
ในภาพใหญ่ เหตุการณ์ของคุณพรรณิการ์ เป็นอีกหนึ่งกรณีที่ตอกย้ำถึงปัญหาของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ได้ขยายอำนาจขององค์กรอิสระซึ่งมีที่มาที่ขาดความยึดโยงกับประชาชน แต่เปิดช่องให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายล้างทางการเมือง โดยเฉพาะการทำลายอนาคตทางการเมืองของผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ผ่านกลไกไม้บรรทัดที่ชื่อ “มาตรฐานทางจริยธรรม” ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกใช้เป็นเหตุในการตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตมาแล้วอย่างน้อย 4 กรณี ที่เป็นที่รับรู้วงกว้าง คือ ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี (พิพากษาเมื่อ 7 เมษายน 2565) อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต สส.มุกดาหาร (พิพากษาเมื่อ 6 มกราคม 2566) กนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ (พิพากษาเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2566) และ ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ อดีต สส.กรุงเทพฯ (พิพากษาเมื่อ 3 สิงหาคม 2566)

“มาตรฐานทางจริยธรรม” ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 219 เป็นมาตรฐานที่ถูกกำหนดร่วมกันโดยศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ แต่ถูกบังคับใช้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมด รวมถึงสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี โดยรัฐธรรมนูญมาตรา 235 กำหนดให้ ป.ป.ช. มีอำนาจในการไต่สวนข้อเท็จจริงในข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้อง และเสนอเรื่องให้ศาลฎีกาวินิจฉัยในกรณีที่เห็นว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

กลไกนี้มีหลักการที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานประชาธิปไตยสากล เพราะนอกจากเป็นการวางกลไกที่ “ผิดฝาผิดตัว” ในการให้อำนาจองค์กรหนึ่งมากำหนดมาตรฐานจริยธรรมหรือพิพาษาเรื่องจริยธรรมขององค์กรอื่น แต่ยังเป็นการเปิดช่องให้องค์กรตุลาการใช้อำนาจในการ “ประหารชีวิต” นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ด้วยข้ออ้างเรื่อง “จริยธรรม” ที่สามารถถูกเขียนไว้อย่างกว้างและสามารถถูกตีความได้ตามดุลพินิจของตนเอง

เหตุการณ์นี้จึงยิ่งตอกย้ำความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่พรรคก้าวไกลหวังว่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ โดยการปฏิรูปอำนาจและที่มาขององค์กรอิสระเป็นวาระที่ขาดหายไม่ได้ ซึ่งจำเป็นต้องรวมถึง
(1) การวางขอบเขตอำนาจให้สมเหตุสมผลและไม่เปิดช่องให้ถูกใช้ในการขัดขวางเจตนารมณ์ของประชาชน
(2) การปรับกระบวนการสรรหา-รับรองผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระให้ยึดโยงกับประชาชนและไม่ถูกผูกขาดไว้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทางการเมือง
(3) การสร้างกลไกในการตรวจสอบและกลไกรับผิดรับชอบขององค์กรอิสระ

ดังนั้น ไม่ว่าอาวุธเรื่อง “มาตรฐานจริยธรรม” ตามกลไกของรัฐธรรมนูญ 2560 จะถูกใช้กับนักการเมืองคนใดหรือจากพรรคการเมืองใด และไม่ว่าพฤติกรรมของนักการเมืองคนนั้น จะเป็นสิ่งที่ท่านเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ทันทีที่สังคมไทยยอมรับให้การใช้อาวุธนี้กลายเป็นเรื่องปกติ นั่นเท่ากับเรายอมรับให้มีการทำลายล้างกันทางการเมืองอย่างไม่ชอบธรรม จนสุดท้าย “มาตรฐานจริยธรรม” อันเลื่อนลอย-ไร้มาตรฐานนี้ เป็นอาวุธหวนกลับมาบ่อนทำลายหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตย

ขณะที่ ในเวลาต่อมา  "โตโต้" ปิยรัฐ จงเทพ สส.กรุงเทพ พรรคก้าวไกล นำกลุ่ม สส.ก้าวไกล ร่วมแถลงยกเหตุจริยธรรม "ช่อ พรรณิการ์" เกิดก่อนลงการเมือง ชี้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีปัญหาต้องแก้ จะปราบโกงหรือปราบใคร? เพราะถูกใช้ทำนิติสงคราม กลั่นแกล้งทางการเมือง ยืนยันลุยแก้รัฐธรรมนูญ

•  นักการเมือง ที่ถูกถอนสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต ไม่ได้มี แค่ ช่อ พรรณิการ์ คนเดียว 

โดยในอดีตนั้น  ยังมี นักการเมือง ที่ถูกถอนสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต  คนอื่นๆอีก อาทิ 

ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ข้อหาครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.โดยมิชอบ
กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ สส.ภูมิใจไทย ข้อหาครอบครองที่ดินเขาใหญ่
ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ข้อหาเสียบบัตรแทนกันในการประชุมสภา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related