svasdssvasds

Soft Power ไทยหล่นจากอันดับ 36 มาอยู่ที่ 41 ของโลก

Soft Power ไทยหล่นจากอันดับ 36 มาอยู่ที่ 41 ของโลก

Soft Power ไทยอันดับร่วง คะแนนดีด้านการท่องเที่ยว ส่วนคะแนนการศึกษาและวิทยาศาสตร์ต่ำ แต่ข้อมูลชี้ยังพัฒนาต่อได้ แค่ต้องได้รับการผลักดันที่เพียงพอ

ช่วงนี้กระแส Soft Power กำลังมาแรงเพราะความสำเร็จของ ‘สัปเหร่อ’ และ ‘ธี่หยด’ ที่ช่วยส่งเสริมให้วิถีชีวิตแบบไทย วัฒนธรรมท้องถิ่น และความเชื่อเก่าๆ ที่มีเสน่ห์ในบ้านเรากลับมาได้รับความสนใจได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจรัฐมาบังคับหรือครอบงำ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างของการใช้พลัง Soft Power อย่างถูกต้อง และควรส่งเสริมต่อไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงพลังของ Soft Power ของแต่ละประเทศ Brand Finance บริษัทประเมินมูลค่าแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้จัดทำ Global Power Index 2023 ที่เผยให้เห็นถึงความทรงพลังของ Soft Power แต่ละประเทศ ซึ่งใช้หลักเกณฑ์ของ โจเซฟ ไนย์ (Joseph S. Nye) อาจารย์มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ที่เป็นผู้ริเริ่มคำว่า Soft Power ในปี 1990 จนถูกใช้ต่อกันมาอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

โดย ไนย์ นิยามคำนี้ไว้ว่า Soft Power คือการปล่อยให้เลือกทำด้วยความเต็มใจ มากกว่าถูกสั่งให้ทำ ซึ่งตรงข้ามกับอำนาจของ Hard Power ที่เป็นการบีบบังคับ หรือกล่าวอีกอย่างคือการกำหนดความชอบของผู้อื่นด้วยความน่าดึงดูดของวัฒนธรรมและค่านิยมของประเทศนั้น เพื่อให้เกิดการทำตามอย่างเต็มใจ

ทั้งนี้ Brand Finance ได้ยึดหลักข้างต้น และได้ให้คะแนนพลัง Soft Power แต่ละประเทศตามหัวข้อดังนี้ มรดกวัฒนธรรม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเมือง ธุรกิจการค้า สื่อ การศึกษาและวิทยาศาสตร์ ค่านิยมของผู้คน และอนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งแต่ละหัวข้อยังมีลงลึกย่อยไปอีก

เมื่อดูจากกราฟ เราจะเห็นว่า อันดับ 1 ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา แชมป์เก่าจากปี 2022 ซึ่งเด่นในเรื่องเทคโนโลยีอย่างการขายรถยนต์ไฟฟ้าเทสล่า สมาร์ตโฟนชั้นของแอปเปิล ไปจนถึงวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั่วโลก

ส่วนอันดับ 2 ยังคงเป็นอังกฤษ ชาติที่เด่นเรื่องวงการกีฬา วัฒนธรรม และความโด่งดังของศิลปินที่มีเพลงฮิตติดชาร์ตมาในทุกยุคทุกสมัย ทำให้เหมือนว่าอังกฤษยังคงปกครองครึ่งหนึ่งของโลกอยู่ แม้จะไม่ได้เป็นนักล่าอาณานิคมนิคมแล้วก็ตาม

ในส่วนอันดับ 3 ยังคงเป็นเยอรมนีเช่นเคย เพราะประเทศนี้ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งของแบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์รถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู ฟ็อลคส์วาเกิน อาวดี้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องเบียร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมเยอรมันมาอย่างยาวนานจนแยกไม่ออก ซึ่งทำให้ชาติอื่นๆ หลงรักเช่นกัน

อันดับอื่นๆ ที่ตามมาได้แก่

อันดับ 4 ญี่ปุ่น-เจ้าแห่งวงการแอนิเมชัน

อันดับ 5 จีน - ประเทศผู้ผลิตซีรีส์วายอันดับต้นๆ

อันดับ 6 ฝรั่งเศส ผู้นำวงการแฟชั่นระดับโลก

อันดับ 7 แคนาดา - ประเทศแห่งความน่าไปเรียนต่อ

อันดับ 8 สวิตเซอร์แลนด์ – เจ้าแห่งนาฬิกา

อันดับ 9 อิตาลี – ประเทศแห่งอาหารการกินและการท่องเที่ยว

อันดับ 10 สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) - เมืองหลวงแห่งวัฒนธรรม

 

Soft Power ไทยหล่นจากอันดับ 36 มาอยู่ที่ 41 ของโลก IMAGE by tawatchai07

 

ในส่วนของประเทศไทยปีนี้ ถูกจัดไว้ที่อันดับ 41 โดยตกลงมาจากอันดับ 36 เมื่อปีที่แล้ว ซึ่ง Brand Finance ได้ให้คะแนนสูงในเรื่องมรดกวัฒนธรรม ที่มีภาพจำและดึงดูดชื่อเสียงให้ประเทศได้ แต่คะแนนยังน้อยในเรื่องการศึกษาและวิทยาศาสตร์ และการเมืองการปกครอง พร้อมกับอีกว่าว่าไทยมีพลังแฝงอยู่อีกมาก แต่ต้องมีการผลักดันมากกว่านี้

จากข้อมูลนี้จะเห็นได้ว่าไทยมีวัฒนธรรมที่โน้มน้าวให้ทั้งคนในชาติและต่างชาติให้หลงรักได้อยู่แล้ว ทว่าปัญหาหลักของไทยคือการสนับสนุนตั้งแต่ต้น แต่มักสนับสนุนในตอนที่โครงการนั้นสำเร็จแล้ว ซึ่งก็ได้แต่หวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ไปในทางที่ดีขึ้นได้ เนื่องจากรัฐบาลพูดในหลายโอกาสว่าจะสนับสนุน Soft Power มากขึ้น ต้องรอดูกันต่อไปว่าปี 2024 ไทยจะไต่อันดับขึ้นไปได้มากกว่านี้ได้หรือไม่?

ที่มา : Global Power Index 2023

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สัปเหร่อ ธี่หยด ทำเงินหลัก 100 ล้าน คนทำหนัง-โรงภาพยนตร์ แบ่งรายได้อย่างไร?

ผีไทยมาแรงบนเฟซบุ๊ก กระแส "สัปเหร่อ" มาแรงบนโซเชียลรวม 90 ล้านเอ็นเกจเมนต์

"Colorful Bangkok Winter Festival" ชู Soft Power ส่งเสริมท่องเที่ยวฤดูหนาว

 

 

related