
SHORT CUT
ศึกนี้ใหญ่นัก! เปิดบัลลังก์ ‘หม้อไฟไทย’ ใครใหญ่กว่ากัน? แต่ละแบรนด์เร่งพัฒนาตัวเองเพื่อชิงเค้ก วันที่..ผู้บริโภคมีทางเลือกมากมาย
ตลาดสุกี้-ชาบูไทย ปี 2568 อยู่ที่ราว 23,000 ล้านบาท และต้องยอมรับว่าการแข่งขันในตลาดนี้สูงมาก มีแบรนด์น้องใหม่มากมายกระโจนเข้าสู่ตลาดมาชิงเค้ก ส่วนแบรนด์เดิมเจ้าถิ่นก็แตกไลน์มาเรื่อย ๆ รวมถึงการอัดแคมเปญการตลาดที่รุนแรงมากขึ้น พร้อมชูความหลากหมายของสินค้ามากขึ้น วันนี้ #SPRiNG พามาส่อง และอัปเดตความเคลื่อนไหวของตลาดสุกี้-ชาบูไทย ปี 2568 โดยเริ่มจากข่าวใหญ่เมื่อ “เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป” เข้าซื้อกิจการ “ลัคกี้ สุกี้” ถือหุ้นสัดส่วน 40% มูลค่า 940 ล้านบาท เพื่อเข้ามาเสริมแกร่งพอร์ตอาหาร
แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้หลายคนมองว่าตลาดสุกี้-ชาบูไทย ต้องมีโอกาสเติบโตไปอีกแน่ๆ จึงทำให้เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป เข้ามาแจมตลาดนี้ขึ้นมาทันควัน มาดูอีกฝั่งอย่าง MK ที่ยอมลงมาเล่นตลาดบุฟเฟต์ ฟาดกับสุกี้ตี๋น้อย ที่ฟาดฟันกันดุเดือดช่วงที่ผ่านมา สะท้อนการแข่งขันเข้มข้นทุกสนาม ทั้งราคา เมนู และจำนวนสาขา จนกลายเป็น “สงครามสุกี้” ที่ผู้บริโภคและนักลงทุนต้องจับตาเป็นพิเศษ
พามาส่องแต่ละแบรนด์ว่ามีอาณาจักรใหญ่แค่ไหน รายละเอียดดังนี้
-MK
จำนวนสาขา 400
รายได้ 11,461 ลบ.
กำไร 735 ลบ.
ราคา 299 บาท อิ่มไม่อั้น
- สุกี้ตี๋น้อย
จำนวนสาขา 96
รายได้ 8,000 ลบ.
กำไร 803 ลบ.
ราคา 276 บาท อิ่มไม่อั้นเที่ยงวันยันเช้า
- ลัคกี้ สุกี้
จำนวนสาขา 38
รายได้ 1,015 ลบ.
กำไร 108 ลบ.
ราคา อิ่มคุ้มไม่อั้น 276 บาท
- โบนัส สุกี้
จำนวนสาขา ตั้งเป้า 100 ปี 2570
รายได้ 3,600 ลบ. ปี 2570
กำไร ยังไม่ระบุ
ราคา ราคาเข้าถึงง่าย 219 บาท 2 ชั่วโมง 15 นาที
จากข้อมูลข้างต้นจะได้ว่าทุกแบรนด์ต่างมีจุดยืนเป็นของตัวเอง แต่… หากจะโฟกัสใหม่น้องใหม่ ภายใต้ร่มเงาของ MK นั่นก็คือ ‘โบนัสสุกี้’ ที่เปิดให้บริการแค่เพียง 4 เดือนแรก มีลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำแล้วกว่า 25% และทานซ้ำสูงสุดถึง 37 ครั้ง ในขณะที่ผลสำรวจความพึงพอใจลูกค้าพบว่า กว่า 95% ประทับใจ ทั้งการบริการ พนักงาน และความคุ้มค่า สะท้อนภาพของแบรนด์สุกี้น้องใหม่ที่กำลังขยับขึ้นเป็นขวัญใจคนรักสุกี้ทั่วประเทศ
โดยแบรนด์ตั้งเป้าขยายให้ครบ 16 สาขา ภายในสิ้นปี 2568 และในปี 2569 เตรียมขยายเพิ่มมากกว่า 70 สาขา พร้อมทะยานสู่ 100 สาขาภายในไตรมาส 2 ปี 2570 ซึ่งถือเป็นการเติบโตมากกว่าถึง 6 เท่าในเวลาไม่ถึง 2 ปี โดยตั้งเป้าไว้ว่า ‘โบนัสสุกี้’ จะเป็นอีกพลังสำคัญที่ช่วยขยายตลาดบุฟเฟต์ให้เติบโตขึ้นไปพร้อม ๆ กัน และเสริมพอร์ตธุรกิจให้แข็งแรง พร้อมเดินหน้าพัฒนาคุณภาพ ประสบการณ์ และมาตรฐานการบริการอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ผู้บริโภค ‘ได้โบนัส’ ในทุกครั้งที่มาทาน และแบรนด์จะเติบโตอย่างมั่นคงไปพร้อมกับลูกค้า คู่ค้า และพนักงาน
ต่อให้สนาม “หม้อไฟไทย” วันนี้จะดุเดือดแค่ไหน หนึ่งสิ่งที่ชัดเจนคืออำนาจไม่ได้อยู่ที่แบรนด์อีกต่อไป แต่อยู่ในมือผู้บริโภคที่มีทางเลือกมากกว่าเดิมแบบไม่จำกัด ใครจะครองบัลลังก์ได้ ไม่ได้วัดแค่ความอร่อยหรือราคา แต่คือการอ่านใจคนรุ่นใหม่ให้ขาด-ทั้งประสบการณ์ บริการ และคุณค่าที่พวกเขาต้องการจริงๆ และในวันที่ตลาดขยายตัวเร็วพอๆ กับคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นทุกเดือน สงครามครั้งนี้จะไม่จบที่ “ใครใหญ่กว่า” แต่อยู่ที่ “ใครเข้าใจคนกินมากกว่า” ต่างหากที่จะอยู่บนบัลลังก์ได้นานที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดแนวรบใหม่! ‘สงครามสุกี้’ หม้อเดือด MK เทหมดหน้าตัก ผุด MK Premium Buffet สู้
เปิดพฤติกรรมคนไทยชอบกินสุกี้ 2.7 แสนจาน/ปี ศึกเป็ดชนเป็ด ใครชนะ!
ล้วงลึก! กลยุทธ์โบนัสสุกี ทำไมกล้าเปิดแบรนด์ใหม่ ทั้งที่มี MK ลูกค้าจะได้อะไร?