svasdssvasds

ทนายตั้ม พาสามีชู้รักอดีตรองนายกฯ มาแจ้งความ แฉอีกฝ่ายแอบหย่าเมียมาสู้คดี

ทนายตั้ม พาสามีชู้รักอดีตรองนายกฯ มาแจ้งความ แฉอีกฝ่ายแอบหย่าเมียมาสู้คดี

ทนายตั้ม พาสามีชู้รักอดีตรองนายกฯ เข้าแจ้งความอดีตรองนายกรัฐมนตรี ในข้อหาแจ้งความเท็จ ปมแอบอ้างใช้สินสอดสู่ขอ 20 ล้าน แฉอีกฝ่ายแอบหย่าเมียเพื่อใช้ในทางกฎหมายมาสู้คดี

 ที่ สน.บางยี่ขัน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิกานมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน พานายเอ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี สามีของหญิงสาวที่ตกเป็นข่าวฉาวกับอดีตรองนายกฯ ชื่อย่อ ย. เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.น่านนที บูรณะ รอง สว.(สอบสวน) สน.บางยี่ขัน เพื่อดำเนินคดีกับอดีตรองนายกรัฐมนตรี ข้อหาแจ้งความเท็จ กรณีที่อ้างว่าสูญเงินค่าสินสอดสู่ขอฝ่ายหญิงเป็นจำนวนกว่า 20 ล้านบาท

 ทนายษิทรา กล่าวว่า วันนี้ตนมาแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตรองนายกรัฐมนตรีในเรื่องแจ้งความเท็จ และในเรื่องให้การเท็จต่อพนักงานสอบสวน เรื่องการสู่ขอฝ่ายหญิง หรือมีการหมั้นกัน โดยไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง เชื่อว่าเป็นการแต่งเติมข้อเท็จจริงเพื่อให้เข้าข้อกฎหมาย และเพื่อให้ตนเองเรียกทรัพย์สินคืนจากฝ่ายหญิงได้ ซึ่งอดีตรองนายกฯ มีภรรยาที่จดทะเบียนอยู่ด้วยกันมาเป็น 10 ปีโดยตลอด

 นอกจากนี้กรณีให้เงินไปซื้อคอนโดฯ ก็ไม่ใช่เรื่องจริง โดยตนมีหลักฐานกรรมสิทธิ์ รวมถึงทรัพย์สินต่างๆ ที่บอกว่าให้ฝ่ายหญิงก็ไม่ใช่เรื่องจริง โดยหลักฐานกรรมสิทธิ์การซื้อคอนโด ตั้งแต่ปี 2562 แต่ถ้าอดีตรองนายกเพิ่งมารู้จักกับฝ่ายหญิงเมื่อตอนปี 2565 ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินส่วนนี้อย่างแน่นอน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ทนายตั้ม ใบ้ชัด อดีตรองนายกฯ โยงมหาดไทย ตีกอล์ฟ แต่ไม่ชอบสนามกอล์ฟอัลไพน์

• ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ประวัติ อดีตรองนายกฯ ยุค ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แห่งพรรคเพื่อไทย

• "อดีตรองนายกรัฐมนตรี" ของไทย มีใครบ้าง รวบรวมรายชื่อมาให้ครบทุกรัฐบาล

 ทนายตั้ม เผยอีกว่า ส่วนเงินที่อ้างว่าให้ฝ่ายหญิงก็ไม่มีหลักฐานการเบิกถอน และเชื่อว่าตัวเลขอาจจะมีการให้จริง แต่ไม่ถึงหลัก 10 ล้านแต่มีการให้บ้างเพราะคบกับชู้รัก ซึ่งเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ตนได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าจะแถลงในวันที่ 9 ม.ค. ปรากฏว่าอดีตรองนายกได้ใช้เล่ห์กลด้วยการพาภรรยาไปหย่าร้างเพื่อที่จะขอคืนทรัพย์สินที่มีการไปหมั้นกับฝ่ายหญิง โดยทำตัวเองให้โสด เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาตอนทราบมาว่าทางอดีตรองนายกได้พาภรรยา ไปจดทะเบียนหย่าที่สำนักงานเขตสามพราน เพื่อใช้ในทางกฎหมาย ในการแจ้งความหรือเรียกทรัพย์สินต่างๆ คืนได้

 ส่วนข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ของอดีตรองนายก จะไม่มีทางออกสู่โซเชียลเนื่องจากเป็น VIP แต่เนื่องจากมีผู้หวังดีเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม และได้แจ้งกับตนมาว่าก่อนหน้าที่ตนจะมาแถลงข่าว 1 ชั่วโมงทางอดีตรองนายกได้ไปจดทะเบียนหย่าร้างกับภรรยาที่สามพราน

 

 ซึ่งตนก็นำหลักฐานตรงนี้มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนด้วย ควรหากออกมารับผิดชอบยังลูกผู้ชายว่าตนเองทำผิดพลาดก็จบแล้ว ไม่ใช่โยนความผิดให้คนอื่นโดนข้อหาร่วมกันฉ้อโกงเป็นขบวนการด้วย

 ซึ่งตัวพ่อของผู้หญิงมีคดีอื่นอยู่และไม่มาพบพนักงานสอบสวนอยู่แล้วทางอดีตรองนายกจะรู้ดี รายการที่ตำรวจมีความเห็นสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง เป็นเพียงความเห็นเบื้องต้น แล้วตนก็ได้ทำเรื่องขอความเป็นธรรมที่พนักงานอัยการไปแล้ว ไม่ใช่ว่าพอโดนคดีแล้วครอบครัวนี้จะมีความผิดไป คือศาลยกฟ้องไปแล้ว 70 เปอเซนที่มีคำสั่งฟ้องไป

 ทนายษิทรายืนยันว่าไม่มีพิธีสู่ขอและขอท้าว่าถ้าหากมีจริงมีญาติผู้ใหญ่หรือมีใครรับรู้บ้าง ส่วนกรณีของการตบทรัพย์ ซึ่งยังไม่มีการต่อรองใดๆ หากมีจริงคงมีหลักฐานมายืนยัน ส่วนทรัพย์สินที่บอกว่ามีจำนวนมากถึง 19 ล้านบาทนั้น เชื่อว่ามีการให้จริงแต่มูลค่าไม่ถึงขนาดนั้น ส่วนก่อนหน้านี้ที่สามีของฝ่ายหญิงมาปรึกษาตน เนื่องจากทางสามีขอหย่ากับฝ่ายหญิงแต่ทางฝ่ายหญิงไม่ยอมหย่าด้วย แต่ทางสามีเลยตอบว่าหากไม่ยอมหย่าก็จะฟ้องหย่า และฟ้องชู้คืออดีตรองนายกด้วย ทำให้ทางฝ่ายหญิงได้ไปบอกกับทางอดีตรองนายกทางอดีตรองนายกจึงเดินทางมาแจ้งความกลับทางฝ่ายหญิงด้วย

 ส่วนประเด็นเรื่องคอนโดมิเนียมที่อดีตรองนายกฯ รายนี้อ้างว่าซื้อให้กับหญิงสาววัย 25 ปี คนนี้ ทนายตั้มยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พร้อมแสดงหลักฐานหนังสือกรรมสิทธิห้องชุดย่านวงเวียนใหญ่ เขตคลองสาน กรุงเทพฯ ขนาดประมาณ 35 ตารางเมตร ซึ่งจดจำนองตั้งแต่ปี 2562 ก่อนที่ทั้งสองคนจะรู้จักและคบชู้กัน

 

related