สรรพากรตั้งทีมเก็บภาษี "อินฟลู-ยูทูบเบอร์" คาดได้ตามเป้า 2.2 ล้านล้านบาท

นายลวรรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ปัจจุบันรูปแบบการทำธุรกิจเปลี่ยนแปลงมากขึ้น หลายธุรกิจเน้นระบบออนไลน์ โดยเฉพาะเรื่องของการไลฟ์สดขายของโดยไม่ต้องมีหน้าร้านมีจำนวนมากขึ้น ทำให้รูปแบบการทำธุรกิจเป็นเรื่องง่ายขึ้น รายได้หมุนเวียนผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น

ดังนั้น ระบบการเสียภาษีและจัดเก็บภาษีต้องตามให้ทัน โดยสรรพากรได้มีการจัดตั้งกองสำรวจและติดตามธุรกิจนอกระบบ เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบคนหรือธุรกิจที่อยู่นอกระบบภาษีให้เข้ามาอยู่ในระบบภาษีอย่างถูกต้องมากขึ้น

จากภาพรวมปีงบประมาณ 2565 พบว่า มีจำนวนผู้ประกอบการด้านค้าขายออนไลน์เข้าสู่ระบบ มากถึง 2 แสนราย

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

• “TikTok Shop” โอกาสสร้างรายได้ขายของออนไลน์ ของแบรนด์และครีเอเตอร์มาแรง
• เปิดเทรนด์ธุรกิจ E-Commerce และเรื่องที่คนขายของออนไลน์ต้องรู้ในปี 66
• แม่ค้าออนไลน์ต้องรู้! นักช้อปเปิดใจใช้แบรนด์ใหม่หากสินค้ารีวิวดี

นายลวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มธุรกิจนอกระบบเป็นกลุ่มที่มีรายได้ค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็น แม่ค้าออนไลน์ การไลฟ์สดขายของ อินฟลูเอนเซอร์ ยูทูบเบอร์ เป็นต้น บุคคลเหล่านี้ถือว่ามีส่วนช่วยให้รายได้ภาษีขยายตัวตามสิ่งที่ควรจะเป็น

โดยหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นมานั้น จะเข้าไปตรวจสอบและติดตามธุรกิจนอกระบบให้เข้ามาอยู่ในระบบอย่างถูกต้อง 

ขณะเดียวกัน กรมสรรพากรขอเชิญชวนให้ผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องจดทะเบียนภาษี VAT ให้เข้ามาจดทะเบียนให้ถูกต้อง ขอยืนยันว่าเรื่องภาษีไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว

ซึ่งทางกรมฯ พร้อมที่จะประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเสียภาษี ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ระบบ ไปจนถึงกระบวนการเสียภาษีอย่างถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ให้สามารถทำได้สะดวกและรวดเร็วผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ 2566 ได้รับเป้าหมายจัดเก็บรายได้ 2.2 ล้านล้านบาท ภาพรวมการจัดเก็บรายได้ ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค. 2565-ม.ค.2566) เก็บได้เกินกว่าเป้าหมายถึง 6 หมื่นล้านบาท สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และอานิสงส์จากจีนเปิดประเทศ

นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว และบริการของไทยเป็นอย่างมาก ทำให้มั่นใจว่าการจัดเก็บรายได้ในปีนี้ จะเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ รายได้จากภาษีที่มีการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน มาจาก 2 ประเภท คือ

1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาคธุรกิจให้สามารถกลับมามีกำไรและเสียภาษีได้มากขึ้น

ภาพรวมการจัดเก็บภาษีนิติบุคคล และ VAT ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปีนี้ที่ VAT จากการบริโภคฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี ตามการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ

ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่และรายเล็ก ธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการ โดยเฉพาะธรุกิจโรงแรม ภัตราคาร ร้านอาหาร ธุรกิจกลุ่มนี้เราอยากให้ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เพราะถือเป็นฐานภาษีในอนาคต

ซึ่งที่ผ่านมากรมฯ ก็ได้พยายามช่วยเหลือประคับประคองให้ธุรกิจสามารถอยู่ได้ โดยจากปัจจัยบวกดังกล่าวทำให้เชื่อมั่นว่าการจัดเก็บภาษีในปีนี้คงไม่มีอะไรต้องกังวลมากนัก