svasdssvasds

“ศิธา” นั่งประธานต่อต้านทุนผูกขาด จี้นักการเมืองช่วยประชาชนลดเหลื่อมล้ำ

“ศิธา” นั่งประธานต่อต้านทุนผูกขาด จี้นักการเมืองช่วยประชาชนลดเหลื่อมล้ำ

"ศิธา" เปิดตัวนั่งประธานองค์กรส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมและต่อต้านการผูกขาด เชิญหลายภาคส่วนร่วมถก เห็นตรงกันฝ่ายการเมืองต้องเข้ามาแก้ปัญหา "ทุนผูกขาด"ทั้งกฎหมาย-ตั้งคณะทำงานตรวจสอบ ด้าน"ศิโรตน์"ชี้ ไม่ควรมองข้ามการผูกขาดเชิงแพลตฟอร์ม

วันนี้ (28 ม.ค. 67) ที่โรงแรมเอส 31 สุขุมวิท องค์กรส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมและต่อต้านการผูกขาด Fair Competition & Anti-Monopoly Organization (FCAM) จัดเสวนาในหัวข้อ “การแข่งขันที่เป็นธรรม และต่อต้านการผูกขาดในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล”

เศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศไทย มักเกี่ยวกับธุรกิจผูกขาด

น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานองค์กรส่งเสริมการแข่งขันเป็นธรรมฯ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเปิดงานว่า ตนก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง เป็นนักการเมือง ตัดสินใจลาออกจากการรับราชการทหาร มาในภาคการเมือง เพราะอยากรับใช้ประเทศชาติ พี่น้องประชาชน ประมาณปี 2543 ตอนนั้น มีการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ตนมาร่วม เพราะสนใจใน 3 เรื่องคือ การทำสงครามกับยาเสพติด การแก้ไขปัญหาความยากจน และการต่อต้านคอร์รัปชัน  

หากไปดูเศรษฐี ที่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย มักเกี่ยวกับธุรกิจผูกขาด หากเป็นอย่างนี้ประเทศชาติไม่พัฒนา ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ยาก ไปดูเศรษฐีระดับโลก เป็นธุรกิจสมัยใหม่ แต่บ้านเรายังเกี่ยวกับการผูกขาด

น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานองค์กรส่งเสริมการแข่งขันเป็นธรรมฯ

น.ต.ศิธา กล่าวว่า สมัยก่อนนักธุรกิจเข้าหานักการเมือง เพื่อต้องการงานที่ผูกโยงกับหน่วยงานรัฐ แต่ปัจจุบันเมื่อนักธุรกิจกลายเป็นเศรษฐี พรรคการเมืองต่างๆ จึงต้องเข้าหา 

“เพราะการเลือกตั้งมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงค่อนข้างเยอะ เงินจึงเป็นอำนาจสำคัญ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกยุคทุกสมัยของการเลือกตั้ง เมื่อมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง พรรคการเมืองก็จะมีนายทุนเข้าร่วม”

 

นอกจากนี้ น.ต.ศิธา ยังระบุว่า “นักการเมืองไปคุยนายทุน มักพินอบพิเทา ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำขึ้นมาก ซึ่งนักการเมืองควรเป็นองค์กรหลัก ต่อต้านเรื่องทุนผูกขาดอย่างจริงจัง” 

พร้อมระบุว่า “ประเทศเราความเหลื่อมล้ำจะลดลง ประเทศจะพัฒนาได้ ถ้าเราพูดคุย มีจุดยืนมั่นคง คุยกับนายทุน หรือ ใช้มาตรการอะไรบางอย่าง ถ้าเป็นอย่างนี้เรื่อยๆ ประชาชน ก็จะอยู่ไม่ได้

นายนิสิต อินทมาโน เลขาธิการองค์กรส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมฯ

ด้านนายนิสิต อินทมาโน เลขาธิการองค์กรส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมฯ ชี้แจงถึงที่มาและความสำคัญในการจัดตั้งองค์กรว่า การเสวนาที่เกิดขึ้น เกิดจากคนตัวเล็กๆหลายคน ที่มีความเชื่อ ความฝันเหมือนกัน อยากทำให้สังคมดีขึ้น เราเชื่อว่า สังคมที่ดีกว่า เกิดขึ้นได้ โดยการ่วมมือกันไม่ว่าจะเป็น นักวิชาการ นักการเมือง นักศึกษา หากอยากเห็นประเทศพัฒนาไปด้วยกัน ตนเป็นนักกฎหมายแข่งขันทางการค้าและการผูกขาด เมื่อได้ทุนไปเรียน อยากกลับมาทำอะไรให้ประเทศบ้าง เราสามารถขับเคลื่อนวาระนี้ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศได้ 

ที่ผ่านมาเรามีกฎหมายหลายฉบับเกี่ยวกับการป้องกันการค้ากำไรเกินควร ป้องกันการผูกขาด ซึ่งกฎหมายป้องกันผูกขาดมีมาตั้งแต่ปี2522 จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มีแค่ธุรกิจเดียว ที่กฎหมายบอกเป็น ธุรกิจเฉพาะ มีพรบ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 และ ฉบับแก้ไขพ.ศ.2560 ปรากฎว่า ไม่มีแม้แต่คดีเดียว ที่เกิดข้อพิพาทนำคดีขึ้นสู่ศาล จากการแข่งขันไม่เป็นธรรม 

ประเทศเราใช้กฎหมายดังกล่าวมา4ฉบับ แต่ยังไม่มีคดีขึ้นสู่ศาล ถามว่าเราจะอยู่อย่างนี้อีกนานแค่ไหน ตอนนี้เวียดนาม เคพีไอ สถาบันการศึกษา สูงกว่าเราไปแล้ว โดยจุดประสงค์ ถ้าทำได้จริง ได้สำเร็จ พรรคไหนนำไปใช้ก็ได้

สิ่งที่เราจะทำประกอบด้วย 4 C คือ

  1. Concession นำไปสู่ economic parasite
  2. Concentration market ที่กระจุกตัว
  3. Consumer protection ที่ถูกลืม
  4. Corruption สมการที่แก้ไม่ได้ 

 

 

มีองค์กรตตรวจสอบเยอะ แต่การคอร์รัปชันไม่ได้ลดลง

นับเฉพาะเรื่อง คอร์รัปชัน เรามีองค์กรเยอะ แต่การคอร์รัปชันกลับไม่ได้ลดลง วันนี้ก็ดี เราจะทำเรื่องซอฟต์พาวเวอร์หรือเรื่องอื่นๆ แต่คงไม่ได้แก้ปัญหาได้ทั้งหมด อีกทั้งในวันนี้ความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยสูงอยู่เป็นอันดับ 4 ของโลก เราหวังว่า จะทำให้คนไทยนำธุรกิจไปแข่งขันได้ เหมือนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก สิ่งเหล่านี้คือวัตถุประสงค์ที่เราอยากให้เกิดขึ้น เชิญชวน นักการเมืองทุกพรรค ทุกมหาวิทยาลัย ก้าวนี้ถือเป็นก้าวแรก เพื่อร่วมกันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้ได้

นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า เรื่องทุนผูกขาดเป็นวาระสำคัญ ประเทศไทย ประสบปัญหา 3 เรื่อง การแข่งขันต่ำ ทุนผูกขาดสูง คือ

  1. ธุรกิจระดับโลกเริ่มถอยจากเมืองไทย เพราะคิดว่าทำไม่ได้ ไม่มีความยุติธรรม
  2. การผูกขาดที่มีอยู่เกิดการเหลื่อมล้ำสูง
  3. การควบรวมธุรกิจบางอย่างที่กฎหมายการแข่งขันไม่ครอบคลุม ดังนั้นต้องแก้ไขกฎหมายให้สภาพการแข่งขันเกิดขึ้นจริงได้

เราเคยเรียนมาว่า หากเกิดการแข่งขันเยอะๆ ผลประโยชน์สูงสุดจะอยู่กับประชาชน แต่ในประเทศเรากลายเป็นว่า การแข่งขันต่ำ เลยทำให้เกิดการผูกขาด เกิดความเหลื่อมล้ำสูงสุดในอาเซียน ในกรรมาธิการเศรษฐกิจฯ กำลังติดตามผลกระทบการควบรวมธุรกิจโทรคมนาคม นอกจากนี้กฎหมายการแข่งขันไม่ครอบคลุม ทำให้หลายอุตสาหกรรมหลุดไปจากการแข่งขัน ในต่างประเทศก่อนการควบรวม จะเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนก่อน ในฝ่ายนิติบัญญัติเราก็พยายามดูในเรื่องนี้

เรื่องทุนผูกขาดเห็นหลายการเมืองพูดกันหมด แต่พรรคก้าวไกล ก่อนเลือกตั้งเป็นอย่างไร หลังเลือกตั้งก็เป็นอย่างนั้น สิ่งที่กรรมาธิการเศรษฐกิจจะทำคือ ตั้งกรรมการดูว่า หน่วยงานใดไม่อยู่ภายใต้การแข่งขัน ต้องถูกตรวจสอบ และจะมีกรรมการ ติดตามผลกระทบหลังการควบรวมด้วย จะทำเพื่อให้เกิดการแข่งขัน 

นายรณกาจ ชินสำราญ ตัวแทนพรรคไทยสร้างไทยกล่าวว่า เราเชื่อว่า ผลกระทบการผูกขาดทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำสูงมาก ตลาดสุราในบ้านเรา มูลค่ากว่า 5 แสนล้าน แต่มีผู้เล่นเพียงไม่กี่ราย ค้าปลีกมูลค่าทางตลาด 3 ล้านล้าน มีผู้เล่นรายใหญ่บางรายครองส่วนแบ่งถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ด้านไฟฟ้า โทรคมนาคม มีผู้เล่นไม่กี่คนในตลาด ที่ผ่านมา เกิดภาวะแบบนี้ในบ้านเรา แล้วลูกหลานเราจะเติบโตอย่างไร ประเทศเป็นอย่างไร หากไม่มีการผลักดันหรือทำอะไรกับเรื่องเหล่านี้ได้

นต.ศิธา ทิวารี ประธานองค์กรส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมฯกล่าวว่า เราใกล้ถึงจุดที่ประชากร 10 เปอร์เซ็นต์ ครอบครองสินทรัพย์ 90 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ ที่ผ่านมาเราเห็นการตั้งคนเข้าสู่ตำแหน่ง มีทั้งเกี้ยเซี๊ยะ เอื้อประโยชน์ แต่ปัจจุบัน เมื่อนายทุนครอบงำการเมืองได้ กลายเป็นว่า เมื่อ ธุรกิจไหนที่ได้รับสัมปทานจากภาครัฐ เขาจะส่งคนมาเลย ซึ่งภาคการเมืองควรต้องเป็นองค์กรหลักในการแก้ปัญหาเหล่านี้

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวว่า ได้ลงไปแต่ละพื้นที่ ไปคุยกับประชาชน ที่ต่อสู้สิทธิในชุมชน ที่เขาได้รับผลกระทบ ลิดรอนสิทธิประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเหมือง นิคมอุตสาหกรรม หรือแม้แต่เรื่องแลนด์บริดจ์ ที่ยังไม่ได้พิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือการเดินเรือ ทั้งที่เริ่มลดลง เราตามเทรนด์ไม่ทันหรือ ประชาชนในพื้นที่จะได้รับผลกระทบ สิ่งนี้ถือเป็นการผูกขาดนายทุนการเมือง ที่ใช้อำนาจหน้าที่ ดังนั้นเราจะต้องสร้างโครงสร้างการเมืองใหม่ ฝ่ายค้าน รัฐบาล ต้องช่วยกันเกี่ยวกับการผูกขาด โดยเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง 

นายบุรินทร์ สุขพิศาล กรรมการนโยบายพรรคพลังประชารัฐ

นายบุรินทร์ สุขพิศาล กรรมการนโยบายพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้เลวร้ายแต่ไม่ได้อยู่ในจุดที่ดี ปัจจุบันองค์กรมี 2 สถานะ สถานะหนึ่งคือเห็นความเป็นไป และอีกสถานะคือไม่เห็นความเป็นไป หรือสถานะซ่อน ซึ่งสถานะนี้จะส่งผลต่อความเป็นธรรมและยังมีความผูกขาดได้อยู่ ดังนั้น จึงต้องมองไปถึงการแก้ไข และการตรวจสอบการกระจุกตัว ในกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริง จะทำอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพ หากทราบว่ามีการกระจุกตัวของทรัพยากรทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม จึงมองว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายการเมืองที่จะต้องเข้าไปดูแล

นางสาวนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า การควบรวมโทรคมนาคม มีปัญหา หน่วยงานที่กำกับดูแล กสทช.ควรรักษาประโยชน์ให้ผู้บริโภค เคยส่งจดหมายไปถึง แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับมา ประชาชนทำได้เพียงส่งเสียงไป แต่เราอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงคือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น กสทช. หรือ ฝ่ายนิติบัญญัติ สำหรับเรื่องการควบรวม เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค้าปลีก หรือเรื่องอื่น โดยประชาชน ผู้บริโภคได้รับผลกระทบมากที่สุด เหมือนบีบบังคับให้เราซื้อ ใช้ธุรกิจที่มีอยู่ไม่กี่ราย เราจะเป็นหน่วยงานเพื่อจะส่งเสียงไปถึงรัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
 
นายสยุม ไกรทัศน์ กรรมการฝ่ายวิชาการสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมถ์ กล่าวว่า ในส่วนของกระบวนการทางกฎหมาย เมื่อมีเรื่องร้องเรียนมา หากเห็นว่า เป็นคดีความได้ จะฟ้องให้ แต่ผู้บริโภคฟ้องเองนั้น ค่อนข้างน้อย สภาทนายความ จะให้ความช่วยเหลือกับประชาชน ทางช่องทางกฎหมายให้มากขึ้น กรณีประชาชนพยายามสื่อสารเรื่องทุนผูกขาด แต่กลับโดนฟ้องก่อน โดยกฎหมายมีข้อยกเว้น หากติชมโดยสุจริต ตามครรลองครองธรรม เชื่อว่า หากพูดออกไป ประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ ศาลคงเข้าใจ  

ายศิโรตน์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ

ขณะที่นายศิโรตน์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ธุรกิจที่ไม่สามารถทำการแข่งขันได้อย่างเสรี หรือมีการแข่งขันในเชิงผูกขาดจะมีองค์ประกอบ คือ

  1. มักเป็นธุรกิจที่มีความสัมพันธ์อันดีกับอำนาจรัฐ มีความเชื่อมโยงกับพรรคการเมือง ประชาชนจะเสียผลประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายสาธารณะ
  2. การผูกขาดข้ามรุ่นคือจากคนรุ่นแรกไปสู่รุ่นต่อๆไป ทำให้คนในสังคมไทยมีปัญหาความเหลื่อมล้ำ กลุ่มธุรกิจเอาเปรียบคนส่วนใหญ่ในสังคมและความเหลื่อมล้ำมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆและไม่มีทางออก

องค์กรส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมและต่อต้านการผูกขาด

หากมีพรรคการเมืองหรือองค์กรใดเข้าไปทลายเรื่องนี้หรือเข้าไปแตะปัญหาเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาจะเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการมาก นอกจากนี้ยังมีการผูกขาดเชิงแพลตฟอร์ม เป็นเรื่องใหญ่ที่ต่างประเทศมีการพูดถึงกันเยอะ ทุกวันนี้รายได้ประชาชนจำนวนไม่น้อยอยู่ในแพลตฟอร์ม ซึ่งจะมีวิธีการผูกขาดแตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ และมีความซับซ้อน

related