svasdssvasds

คิม จองอิล อำนาจพ่ายสุขภาพ เมื่อป่วยต้องวางมือทางการเมือง

คิม จองอิล อำนาจพ่ายสุขภาพ เมื่อป่วยต้องวางมือทางการเมือง

คิม จองอิล ผู้นำเกาหลีเหนือผู้ทรงอำนาจ แม้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ก็พ่ายแพ้ต่อโรคหลอดเลือดสมอง สุขภาพที่ทรุดโทรมบีบให้ต้องวางมือ เร่งสืบทอดอำนาจ สะท้อนสัจธรรมชีวิต

SHORT CUT

  • คิม จองอิลเป็นผู้นำที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดสูงสุด ในเกาหลีเหนือตลอดช่วงเวลากว่า 17 ปีที่เขาครองอำนาจ โดยมีการควบคุมสื่อ การบูชาบุคคล และใช้อำนาจทหารเป็นหลัก
  • แม้จะมีอำนาจอันยิ่งใหญ่เพียงใด เขาก็ไม่อาจหลีกหนีจากความเจ็บป่วยตามธรรมชาติของมนุษย์ได้ โดยสุขภาพของเขาเริ่มทรุดโทรมลงจากอาการโรคหลอดเลือดในสมอง
  • ความเจ็บป่วยนี้ กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่บีบให้เขาต้องค่อยๆ วางมือจากการบริหาร และเร่งกระบวนการสืบทอดอำนาจให้ลูกชาย จนกระทั่งเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้ผู้มีอำนาจสูงสุดก็ไม่อาจต้านทานความจริงของชีวิตและการเปลี่ยนแปลงบทบาทเมื่อถึงเวลาอันควรได้

คิม จองอิล ผู้นำเกาหลีเหนือผู้ทรงอำนาจ แม้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ก็พ่ายแพ้ต่อโรคหลอดเลือดสมอง สุขภาพที่ทรุดโทรมบีบให้ต้องวางมือ เร่งสืบทอดอำนาจ สะท้อนสัจธรรมชีวิต

คิม จองอิล (Kim Jong-il) เป็นผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือระหว่างปี ค.ศ. 1994 ถึง 2011 โดยสืบทอดอำนาจต่อจากบิดาคือ คิม อิลซุง (Kim Il-sung) ผู้ก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ ภายใต้การปกครองของเขา เกาหลีเหนือตกอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการอำนาจนิยม (authoritarian dictatorship) ที่รวมศูนย์อำนาจไว้ในครอบครัวเดียว การควบคุมสื่อ การบูชาบุคคล (cult of personality) และการใช้อำนาจทหารเป็นหลัก

แม้ในช่วงหนึ่ง คิม จองอิลจะได้รับการมองว่าเป็นผู้นำที่ไร้เทียมทาน ผู้บงการด้านนิวเคลียร์ และมีอำนาจเบ็ดเสร็จในประเทศ แต่เมื่อสุขภาพของเขาทรุดลงจากอาการโรคหลอดเลือดในสมอง (stroke) ในช่วงปลายทศวรรษ 2000 สถานการณ์ทางการเมืองในเกาหลีเหนือก็เริ่มสั่นคลอน เขาต้องค่อย ๆ ถอยจากอำนาจ และวางรากฐานสืบทอดให้ลูกชาย คือ คิม จองอึน (Kim Jong-un)

ภูมิหลังและการขึ้นสู่อำนาจ

คิม จองอิล เกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1941 หรือ 1942 (มีข้อถกเถียงด้านปีเกิดระหว่างแหล่งตะวันตกและเกาหลีเหนือ) โดยถือกำเนิดในครอบครัวผู้นำปฏิวัติ บิดาของเขา คิม อิลซุง เป็นผู้นำคอมมิวนิสต์ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต และกลายเป็นประมุขของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีในปี 1948

คิม จองอิล เริ่มมีบทบาทในการเมืองตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970 โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทายาททางการเมืองอย่างเป็นทางการในปี 1980 และภายหลังขึ้นดำรงตำแหน่ง "ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพประชาชน" และผู้นำพรรคแรงงานเกาหลี หลังจากคิม อิลซุงเสียชีวิตในปี 1994 คิม จองอิลก็ควบรวมอำนาจทั้งหมดไว้ในตัว

อำนาจ บารมี และเผด็จการส่วนบุคคล

ระหว่างดำรงตำแหน่ง คิม จองอิลสร้างระบบการปกครองที่เน้น “ซ็องกุน” (Songun) หรือ “นโยบายทหารมาก่อน” (Military-first policy) ซึ่งมุ่งให้อำนาจแก่กองทัพในการบริหารประเทศ ทำให้เกิดการใช้อำนาจแบบทหารนิยมและเผด็จการเบ็ดเสร็จ

ในช่วงวิกฤติการณ์ความอดอยาก (1994–1998) ซึ่งส่งผลให้ชาวเกาหลีเหนือตายไปหลายแสนถึงล้านคน คิม จองอิลยังคงรักษาอำนาจไว้ได้ด้วยการปราบปรามฝ่ายตรงข้าม สร้างบุคลิกภาพลัทธิบูชาตนเอง และใช้นิวเคลียร์เป็นเครื่องต่อรองกับโลกภายนอก แม้ประเทศจะยากจนแต่ก็ยังเดินหน้าพัฒนาโครงการนิวเคลียร์จนทดสอบสำเร็จในปี 2006

อาการป่วย ผลกระทบจนต้องวางมือทางการเมือง

ในปี 2008 สื่อเกาหลีใต้และตะวันตกรายงานว่า คิม จองอิลมีอาการ “เส้นเลือดในสมองแตก” (stroke) หรือ “โรคหลอดเลือดสมอง” ซึ่งทำให้เขาหมดสติและต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนที่ Pyongyang และอาจมีแพทย์จีนเข้ามาช่วยดูแลด้วย

ขณะที่ BBC News และ South Korean Intelligence (NIS) เคยระบุว่า คิม จองอิลไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ปกติในช่วงปี 2008–2010 และอาจเคยล้มลงหรือหมดสติชั่วครู่ภายในที่พักของตน

แม้ทางการเกาหลีเหนือจะปฏิเสธข่าวในช่วงแรก แต่ภาพถ่ายในภายหลังก็ยืนยันว่า คิม จองอิลมีรูปร่างซูบผอม เคลื่อนไหวลำบาก และต้องใช้ไม้เท้าหรือรถเข็นในบางครั้ง นอกจากนี้ เขายังลดบทบาทจากเวทีสาธารณะ และเริ่มเตรียมการส่งต่ออำนาจให้ลูกชายคนที่สาม คิม จองอึน ซึ่งปรากฏตัวข้างพ่อมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นไป

การล้มป่วยของคิม จองอิลถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เนื่องจากเป็นช่วงที่เขาจำเป็นต้องเร่ง “วางมือ” จากการเมืองอย่างไม่เป็นทางการ แม้ยังรักษาตำแหน่งไว้ แต่การตัดสินใจและกิจกรรมหลักหลายอย่างกลับถ่ายเทไปยังผู้นำทหาร และคิม จองอึน ซึ่งถูกเร่งผลักดันให้มีสถานะทางการเมืองในพรรคและกองทัพอย่างรวดเร็ว

การวางรากฐานการสืบทอดอำนาจ

ในปี 2010 คิม จองอึนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง "พลเอกสี่ดาว" และสมาชิกคณะกรรมการทหารกลางของพรรคแรงงาน ถือเป็นการประกาศอย่างไม่เป็นทางการว่าเขาคือทายาททางการเมืองของบิดา

กระบวนการส่งผ่านอำนาจนี้ถูกเร่งเนื่องจากอาการป่วยของคิม จองอิลไม่แน่นอน และท้ายที่สุด คิม จองอิลก็เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจวายในเดือนธันวาคม 2011 โดยมีคิม จองอึนรับช่วงต่อโดยสมบูรณ์ในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศ

คิม จองอิลคือผู้นำเผด็จการที่ใช้อำนาจทหาร สื่อ และความหวาดกลัวควบคุมประเทศอย่างเด็ดขาดตลอดช่วงเวลากว่า 17 ปีที่เขาครองอำนาจ แต่ทว่าสุขภาพที่ทรุดโทรมจากโรคหลอดเลือดในสมองในปี 2008 กลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาต้องค่อย ๆ วางมือจากการบริหาร และเร่งกระบวนการสืบทอดอำนาจให้ลูกชาย

การเจ็บป่วยของคิม จองอิลจึงไม่เพียงส่งผลต่อชีวิตส่วนตัวของเขาเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อทิศทางของประเทศที่อยู่ภายใต้ระบอบอำนาจนิยมและลัทธิบูชาบุคคล โดยถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจว่าระบบเผด็จการแบบครอบครัว สามารถเปลี่ยนผ่านอำนาจได้แม้ภายใต้เงื่อนไขสุขภาพที่ไม่อำนวย

เรื่องราวของคิม จองอิล จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า อำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ไม่อาจต้านทานความจริงของชีวิตและสุขภาพได้ สุขภาพที่ทรุดโทรมลงกลายเป็นปัจจัยที่บีบให้ผู้นำที่ทรงอำนาจต้องเริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจ และท้ายที่สุด ชีวิตก็สิ้นสุดลง การเจ็บป่วยของเขาไม่เพียงส่งผลต่อชีวิตส่วนตัว แต่ยังส่งผลต่อทิศทางของประเทศและกระบวนการสืบทอดอำนาจ ซึ่งสะท้อนว่าถึงเวลาที่ร่างกายไม่อำนวย การวางมือหรือการเปลี่ยนแปลงบทบาทก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้สำหรับผู้ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จก็ตาม

อ้างอิง

The Real North Korea / SAGE Journals / The Guardian / The Cleanest Race /

related