SHORT CUT
ธรรมนัส-นฤมล ลงพื้นที่สุรินทร์ มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ ผู้ประสบภัยชายแดน พบชาวบ้านห่วงสัตว์เลี้ยงไม่ยอมอพยพ รัฐบาลเร่ง เยียวยาและวางแผนรับมือครบวงจร
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2568 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม และประธานมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า พร้อมด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม รวมถึง สส.ของพรรค อาทิ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี,นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี,นางรัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด รวมทั้ง น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ และ น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ลงพื้นที่โรงเรียนเชื้อเพลิงวิทยา ตำบลเชื้อเพลิง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนและนำสิ่งของจำเป็นไปมอบให้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นจากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ทรงห่วงใยประชาชน นำครัวพระราชทาน ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือพสกนิกรในทุกศูนย์อพยพอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของรัฐบาลพยายามเร่งประชุมเพื่อจัดสรรงบประมาณในแต่ละจังหวัดอย่างเร่งด่วน ศูนย์อพยพที่นี่ก็เป็นอีกจุดสำคัญที่ต้องได้รับการดูแล ผมได้มอบหมายให้น้องกันต์ จอมพลัง เข้ามาช่วยเหลือดูแลตั้งแต่ต้น พร้อมกันนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำโดย นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็กำลังลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องใน จ.น่าน ที่ประสบภัยน้ำท่วม เช่นเดียวกับที่ จ.สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
“เรามาในวันนี้ไม่ใช่เพื่อเรื่องการเมือง แต่เพื่อมอบกำลังใจในนามของมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า และมูลนิธิกันต์ จอมพลัง ที่ยืนหยัดช่วยเหลือพี่น้องประชาชนยามทุกข์ยาก ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติหรือภัยจากสงคราม เราพร้อมลงพื้นที่ทันที”ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
สำหรับมาตรการเยียวยาระยะถัดไปนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า หน่วยงานภาครัฐจะเร่งสำรวจรายชื่อผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะ เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างทั่วถึง โดยจะประสานการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พวกเรามาช่วยกัน ขอให้พี่น้องทุกคนเข้มแข็ง เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
ด้าน ศ.ดร.นฤมล เปิดเผยถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องการเรียนการสอนกรณีสถานการณ์มีความยืดเยื้อจนอาจส่งผลกระทบต่อเด็กนักเรียนว่า ทาง สพฐ.มีแผนการเรียนผ่านออนไลน์ ซึ่งเป็นมาตรการที่เคยใช้เรียนสมัยโควิด-19 ส่วนการใช้โรงเรียนที่เป็นศูนย์พักพิงมีอยู่ประมาณหนึ่ง สามารถรองรับประชาชนได้หลักหมื่น ซึ่งไม่อยากเปิดเผยรายละเอียด เพราะเกรงว่าเป็นการชี้เป้า แต่หากไม่เพียงพอก็สามารถขยายพื้นที่เพิ่มเติมได้อีก
ทั้งนี้มูลนิธิธรรมนัสฯ และ รมว.นฤมล ได้ร่วมกันนำข้าวสารอาหารแห้ง ไข่ได่ มาแจกจ่ายให้แก่ประชาชนผู้ประสบเหตุเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นด้วย
ต่อมา ร.อ.ธรรมนัส เปิดเผยว่า ตนมาลงพื้นที่ ต.ตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งเกิดเหตุปะทะรุนแรงระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายบริเวณปราสาทตาเมือนธม เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้สถานการณ์ชายแดนเข้าสู่ภาวะตึงเครียดขั้นสูงสุด โดยได้รับการประสานจากมูลนิธิกัน จอมพลัง ถึงปัญหาที่ประชาชนไม่ยอมอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย ซึ่งทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้มีการเคลื่อนย้ายประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว แต่ยังมีผู้ติดค้างอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เนื่องจากกังวลว่าสัตว์เลี้ยงเช่น วัว สุกร ไก่ จะไม่มีคนดูแลและจะเกิดภัยอันตรายกับสัตว์เลี้ยง จึงไม่ยอมอพยพออกมา
“เสียงปืนดังสนั่นตลอด ประชาชนส่วนใหญ่หนีกันอลหม่าน แต่ยังมีคนแก่ คนชรา บางส่วนที่ไม่ยอมออกมา เพราะห่วงวัว ห่วงหมู ห่วงไก่ ห่วงบ้านที่ปลูกมาทั้งชีวิตผมจึงต้องลงมาประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อช่วยชี้แจงและทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ตอนนี้เราต้องช่วยกันพูด เกลี้ยกล่อมให้เขาออกมาจากพื้นที่อันตรายก่อน” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า ตนได้ประสานไปยังนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สำรวจความเสียหายของสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ปะทะทั้งหมด และเร่งดำเนินการจ่ายค่าเยียวยา ตามมาตรการหากสัตว์เลี้ยงได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ซึ่งเป็นไปตามระเบียบการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ดังนั้น ขอให้ประชาชนทุกคนออกมาอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน ตนขอยืนยันว่า กระทรวงเกษตรฯมีการเยียวยาแน่นอน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ
“ผมขอย้ำว่า กระทรวงเกษตรฯ มีมาตรการเยียวยาชัดเจน ขอให้ทุกคนมั่นใจ และยอมออกมาอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน ทุกชีวิตมีค่า นาทีนี้คือ เวลาของความสามัคคี คนไทยต้องไม่ทิ้งกัน ไม่ว่าจะเป็นทหาร ชาวบ้าน หรือวัวในคอก ทุกชีวิตคือครอบครัวของคนไทย” ร.อ.ธรรมนัส
ต่อมา ร.อ.ธรรมนัส เปิดเผยว่า ตนมาลงพื้นที่ ต.ตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งเกิดเหตุปะทะรุนแรงระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายบริเวณปราสาทตาเมือนธม เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้สถานการณ์ชายแดนเข้าสู่ภาวะตึงเครียดขั้นสูงสุด โดยได้รับการประสานจากมูลนิธิกัน จอมพลัง ถึงปัญหาที่ประชาชนไม่ยอมอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย ซึ่งทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้มีการเคลื่อนย้ายประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว แต่ยังมีผู้ติดค้างอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เนื่องจากกังวลว่าสัตว์เลี้ยงเช่น วัว สุกร ไก่ จะไม่มีคนดูแลและจะเกิดภัยอันตรายกับสัตว์เลี้ยง จึงไม่ยอมอพยพออกมา
“เสียงปืนดังสนั่นตลอด ประชาชนส่วนใหญ่หนีกันอลหม่าน แต่ยังมีคนแก่ คนชรา บางส่วนที่ไม่ยอมออกมา เพราะห่วงวัว ห่วงหมู ห่วงไก่ ห่วงบ้านที่ปลูกมาทั้งชีวิตผมจึงต้องลงมาประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อช่วยชี้แจงและทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ตอนนี้เราต้องช่วยกันพูด เกลี้ยกล่อมให้เขาออกมาจากพื้นที่อันตรายก่อน” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า ตนได้ประสานไปยังนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สำรวจความเสียหายของสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ปะทะทั้งหมด และเร่งดำเนินการจ่ายค่าเยียวยา ตามมาตรการหากสัตว์เลี้ยงได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ซึ่งเป็นไปตามระเบียบการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ดังนั้น ขอให้ประชาชนทุกคนออกมาอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน ตนขอยืนยันว่า กระทรวงเกษตรฯมีการเยียวยาแน่นอน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ
“ผมขอย้ำว่า กระทรวงเกษตรฯ มีมาตรการเยียวยาชัดเจน ขอให้ทุกคนมั่นใจ และยอมออกมาอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน ทุกชีวิตมีค่า นาทีนี้คือ เวลาของความสามัคคี คนไทยต้องไม่ทิ้งกัน ไม่ว่าจะเป็นทหาร ชาวบ้าน หรือวัวในคอก ทุกชีวิตคือครอบครัวของคนไทย” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว