svasdssvasds

ตุลาการศาล รธน. ที่พ้นวาระ มีอำนาจ-หน้าที่ ตัดสินคดี "แพทองธาร" หรือไม่

ตุลาการศาล รธน. ที่พ้นวาระ มีอำนาจ-หน้าที่ ตัดสินคดี "แพทองธาร" หรือไม่

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ครบวาระยังคงมีอำนาจและหน้าที่ในการพิจารณาคดีต่อไป จนกว่าตุลาการคนใหม่จะถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่ง

SHORT CUT

  • ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ครบวาระยังคงมีอำนาจและหน้าที่ในการพิจารณาคดีต่อไป จนกว่าตุลาการคนใหม่จะถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่ง
  • ตุลาการที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งใหม่ จะยังไม่สามารถเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที หากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน
  • ประเด็นนี้เกิดจากข้อสงสัยในคดีของ น.ส. แพทองธาร ซึ่งมีคำวินิจฉัยในวันเดียวกับที่มีการแต่งตั้งตุลาการคนใหม่แทนคนที่ครบวาระ

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ครบวาระยังคงมีอำนาจและหน้าที่ในการพิจารณาคดีต่อไป จนกว่าตุลาการคนใหม่จะถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่ง

จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่เอกสารสำคัญฉบับหนึ่ง ซึ่งระบุถึงการ แต่งตั้งนายสราวุธ ทรงศิวิไล เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ แทนที่นายปัญญา อุดชาชน ที่ครบวาระ โดยเอกสารลงวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ทำให้เกิดคำถามและข้อสงสัยขึ้นในสังคมอย่างกว้างขวาง เพราะวันที่นายสราวุธได้รับการแต่งตั้งนั้น ตรงกับวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน

ประเด็นหลักที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ ในวันที่มีการพิจารณาคดีสำคัญเช่นนี้ องค์คณะตุลาการที่ตัดสินคดีประกอบด้วยใครบ้าง ตุลาการที่ครบวาระแล้วยังมีอำนาจในการตัดสินคดีอยู่หรือไม่ และตุลาการคนใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งแล้วแต่ยังไม่ได้ถวายสัตย์ฯ จะเข้ามาทำหน้าที่ได้ทันทีหรือไม่

เปรียบเทียบกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต

สำหรับเอกสารดังกล่าวได้มีการนำมาเปรียบเทียบกับเอกสารข่าวของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 ในประเด็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า เมื่อมีประกาศพระราชทานโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2567

ดังนั้น เพื่อให้การประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 8/ 2567 ในวันพุธที่ 20 มีนาคม 2567 ถูกต้องตามประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งศาลรัฐธรรมนูญ จึงเพิกถอนกระบวนการพิจารณาในวันพุธที่ 20 มีนาคม 2567 และดำเนินการพิจารณาคดีใหม่ โดยองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเท่าที่มีอยู่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 206

ตุลาการศาล รธน. ที่พ้นวาระ มีอำนาจ-หน้าที่ ตัดสินคดี \"แพทองธาร\" หรือไม่

ตุลาการศาล รธน. ที่พ้นวาระ มีอำนาจ-หน้าที่ ตัดสินคดี \"แพทองธาร\" หรือไม่

ต่อมานายไพศาล พืชมงคล ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่หมดวาระการดำรงตำแหน่ง คือนายปัญญา อุดชาชน ซึ่งได้พ้นจากตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง

และได้มีการแต่งตั้ง นายสราวุธ ทรงศิวิไล เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแทน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่พ้นวาระแล้ว ถ้าหากตุลาการท่านใหม่ ยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์จะยังมีอำนาจ พิจารณาวินิจฉัยคดีหรือไม่

แหล่งข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญได้ให้คำอธิบายในประเด็นนี้ไว้ว่า

  • ตุลาการคนใหม่ต้องถวายสัตย์ฯ ก่อนเริ่มปฏิบัติหน้าที่: ตามหลักปฏิบัติแล้ว ตุลาการคนใหม่ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง จะไม่สามารถเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที หากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน
  • ตุลาการคนใหม่ต้องร่วมพิจารณาตั้งแต่ต้น: ในทางปฏิบัติ ตุลาการคนใหม่ที่ได้รับแต่งตั้งและถวายสัตย์ฯ แล้ว ก็ไม่สามารถเข้ามาพิจารณาคดีที่กำลังดำเนินการอยู่ได้ หากไม่ได้ร่วมฟังการพิจารณามาตั้งแต่ต้น
  • ตุลาการคนเดิมยังต้องปฏิบัติหน้าที่: ในช่วงเวลาที่ตุลาการคนใหม่ยังไม่ได้ถวายสัตย์ฯ และเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ตุลาการชุดปัจจุบันที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ยังคงต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ

 

พ.ร.ป.ศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ตุลาการใหม่ทำหน้าที่เมื่อ "ถวายสัตย์" แล้ว

ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 16 ระบุว่า ก่อนเข้ารับหน้าที่ ตุลาการต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคํา ดังต่อไปนี้ “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยด้วยความซื่อสัตย์สุจริตโดยปราศจากอคติทั้งปวง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ประชาชน และความสงบสุขแห่งราชอาณาจักร ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายทุกประการ”

พ.ร.ป.ศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ตุลาการใหม่ทำหน้าที่เมื่อ "ถวายสัตย์" แล้ว

มาตรา 17 ระบุว่า ตุลาการมีวาระการดํารงตําแหน่งเจ็ดปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และให้ดํารงตําแหน่งได้เพียงวาระเดียว ในกรณีที่ตุลาการพ้นจากตําแหน่งตามวาระ ให้ตุลาการที่พ้นจากตําแหน่งปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าตุลาการที่แต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่

ในช่วงเวลาที่มีการพิจารณาและตัดสินคดีสำคัญของ น.ส.แพทองธาร ถึงแม้จะมีเอกสารการแต่งตั้งตุลาการคนใหม่ออกมาแล้ว แต่หากยังไม่มีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนอย่างเป็นทางการ ตุลาการคนเดิมที่อยู่ในตำแหน่ง ก็ยังคงมีอำนาจและหน้าที่ในการพิจารณาคดีต่อไปตามกฎหมาย

เพื่อไทย จ่อยื่นถามศาล รธน. ปมดึงตุลาการคนใหม่ล่าช้า ปัดหวังผลให้เป็นโมฆะ

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีการตั้งข้อสังเกตการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่พ้นวาระแล้ว แต่ยังทำหน้าที่เป็นองค์คณะในการพิจารณาคดีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะมีผลกระทบต่อคดีหรือไม่ ว่า เอกสารออกมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 ก.ย.) ซึ่งออกมาอย่างไรตนก็ไม่ทราบ แต่เท่าที่ทราบ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ร่วมกันลงรายชื่อ ทำคำร้องเพื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความวินิจฉัยความชอบตามรัฐธรรมนูญ โดยจะมีการอ้างเหตุผล 2 ข้อ เพื่อให้เกิดความชัดเจน ได้แก่

  1. ทันทีที่มีพระบรมราชโองการในวันที่ 29 กันยายน ตุลาการคนเก่าก็น่าจะพ้นไปในวันดังกล่าว การที่ตุลาการคนใหม่ยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ใช่ประเด็น แต่เมื่อมีพระบรมราชโองการ คนเก่าก็ไม่ควรทำหน้าที่ต่อไปไปได้ เพราะต้องถือว่าคนใหม่เป็นตุลาการแล้ว ส่วนจะทำหน้าที่ได้หรือไม่เป็นคนละเรื่อง
  2. มีการตั้งประเด็นว่าพระบรมราชโองการมีเมื่อวันที่ 29 กันยายน แต่ทำไมผู้รับสนอง พระบรมราชโองการ จึงส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญล่าช้าหลายวัน แทนที่จะส่งในวันเดียวกัน แต่ล่าช้าไป 1-2 วัน มีเจตนาให้ตุลาการคนเก่าทำหน้าที่ต่อไปหรือไม่ แล้วคนรับสนองกับโจทก์ กลายเป็นคนเดียวกัน 

เมื่อถามว่า จะเป็นผลทำให้คดีนี้เป็นโมฆะเลยหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า อย่าไปพูดแบบนั้น แต่ที่ตนพูดหมายความว่า ให้ศาลไปวินิจฉัยว่าเห็นชอบหรือไม่ที่มีการทำแบบนี้ ส่วนจะโมฆะหรือไม่เราไม่พูด ให้เขาไปพูดกัน 

เมื่อถามย้ำว่า ไม่มีผลกับมติคำวินิจฉัยที่ออกมาใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาคือ หากเขาทำหน้าที่ไม่ได้ จำนวนเสียงก็จะเป็น 5 ต่อ 3 องค์ประชุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีเพียง 8 คน ซึ่งเป็นประเด็นที่ ส.ส.ตั้งไว้ 

เมื่อถามว่า เรื่องนี้ผลจะออกมาเป็นอย่างไรได้บ้าง นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ไม่ขอก้าวล่วง อยู่ที่ดุลพินิจของศาล

 

 

 

 

 

related