
SHORT CUT
ส่องสาระสำคัญ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า ฉบับใหม่ อุดช่องโหว่กฎหมายเดิม ให้ กขค. มีอำนาจเต็ม เปลี่ยนโทษอาญาเป็นค่าปรับ และปราบปรามการฮั้ว
พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า อาจฟังดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่แท้จริงแล้วมันคือ "รัฐธรรมนูญภาคเศรษฐกิจ" ที่กำหนดกติกาการอยู่ร่วมกันของธุรกิจทุกขนาดในประเทศ
การแก้ไขกฎหมายครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นเพื่อ พัฒนากลไกควบคุมการผูกขาดและการแข่งขันทางการค้าของไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างระบบเศรษฐกิจที่ทุกฝ่ายแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม สำหรับประชาชนทั่วไปและนักธุรกิจ
นี่คือสาระสำคัญที่ถูก "Crack" ออกมาเพื่อให้เข้าใจง่ายว่ากฎหมายฉบับใหม่นี้ดีขึ้นอย่างไร และส่งผลกระทบต่อเราอย่างไรบ้าง
นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญยกร่างกฎหมายฉบับนี้ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทีม SPRiNG ชี้ให้เห็นว่า พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 ฉบับเดิมมีบทบัญญัติหลายอย่างที่ ขาดสภาพบังคับ ทำให้การลดการผูกขาดไม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหาหลัก ๆ คือ
กฎหมายเดิมมีความคลุมเครือเรื่องขอบเขตการบังคับใช้ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีกฎหมายเฉพาะกำกับดูแล ทำให้หน่วยงานกำกับดูแล (เช่น กสทช., กกพ., กลต., หรือธนาคารแห่งประเทศไทย) และคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ต่างเกี่ยงกัน ว่าใครมีอำนาจห้ามการควบรวมหรือจัดการประเด็นการแข่งขันกันแน่ ซึ่งส่งผลให้การบังคับใช้กฎหมายขาดประสิทธิภาพ
การพิจารณา "ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด" มักยึดติดกับส่วนแบ่งตลาดที่สูง (เช่น 50% ขึ้นไป) ทำให้ธุรกิจขนาดใหญ่จำนวนมากที่สร้างผลกระทบต่อผู้บริโภคสามารถ หลุดรอด จากการกำกับดูแลไปได้
กฎหมายเดิมใช้โทษทางอาญา (จำคุก) สำหรับความผิดเกี่ยวกับการแข่งขันทางการค้า แต่การใช้โทษอาญาต้องพิสูจน์จน "สิ้นสงสัย" ทำให้การบังคับใช้กฎหมายจริง ๆ นั้นยากมาก และที่ผ่านมาก็ บังคับใช้กับใครได้น้อยมาก
กฎหมายใหม่ยกเลิกบทบัญญัติที่ยกเว้นไม่ให้นำกฎหมายนี้มาใช้บังคับ โดยให้ความชัดเจนว่า แม้ธุรกิจจะมีกฎหมายเฉพาะกำกับดูแลอยู่แล้ว แต่หากมีประเด็นเรื่อง "การแข่งขัน" คณะกรรมการกำกับการแข่งกันทางการค้า หรือ กขค. ต้องเข้าไปดูแลเท่านั้น
ธุรกิจขนาดใหญ่ในภาคส่วนที่เคยมีกฎหมายเฉพาะ เช่น โทรคมนาคม พลังงาน หรือสถาบันการเงิน จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กขค. ในประเด็นการแข่งขันทางการค้าอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดการเกี่ยงอำนาจและเกิดช่องว่างในการบังคับใช้กฎหมายเช่นกรณี True-DTAC อีก
นิยามของ "ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด" จะปรับปรุงใหม่ โดยพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ส่วนแบ่งตลาด อุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด ขนาดธุรกิจ สภาพการแข่งขัน และแนวโน้มในอนาคต
กฎหมายใหม่ยกเลิกบทกำหนดโทษทางอาญาส่วนใหญ่ (ยกเว้นความผิดต่อเจ้าหน้าที่) และหันมาใช้ มาตรการปรับเป็นพินัย แทน
.
มีการเพิ่มกลไกใหม่ที่ไม่เคยมีในกฎหมายฉบับเดิม คือ การยกเว้นและลดหย่อนค่าปรับเป็นพินัย (Leniency Program)
ประชาชนผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายนี้ มีสิทธิ์ ฟ้องคดีเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ โดยศาลมีอำนาจสั่งให้ผู้กระทำผิดจ่ายเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 3 เท่า แต่ไม่เกิน 4 เท่าของความเสียหายที่แท้จริง
การแก้ไข พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้าครั้งนี้ ซึ่งมี ร่างของ สส. สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล เป็นหลักในการพิจารณา และได้รับความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากกรรมาธิการทุกพรรคการเมือง ถือเป็นการปฏิรูปกลไกทางเศรษฐกิจครั้งสำคัญ
ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยก้าวไปสู่มาตรฐานสากล (เช่น มาตรฐาน OECD) แต่ยังเป็นหลักประกันว่า ธุรกิจทุกขนาดจะเติบโตได้บนความสามารถที่แท้จริง และที่สำคัญที่สุดคือ คุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค ให้ได้รับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม